วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์ของกุยช่าย


ทราบหรือไม่ว่าผักกุยช่ายมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เรามีเรื่องนี้มาบอก
แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และแก้ท้องผูก โดยใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือนำไปผัดรับประทาน เพราะกุยช่าย มีใยอาหารมาก จึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้ดี แก้อาการฟกช้ำ โดยใช้ใบสดตำละเอียด แล้วพอกบริเวณที่มีอาการ เพื่อบรรเทาปวดและแก้อาการห้อเลือดได้ แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดรับประทานก็ได้ รักษาโรคหูน้ำหนวก โดยใช้น้ำที่คั้นได้จากใบสดทาในรูหู บำรุงน้ำนม คนไทยโบราณเชื่อว่า แม่ลูกอ่อนกินแกงเลียงใส่ผักกุยช่าย จะช่วยบำรุงน้ำนมได้ดี รู้อย่างนี้แล้ว หันมารับประทานผักกุยช่ายกันดีกว่า.

สกัดน้ำผลไม้ดื่มล้างพิษลำไส้



การันตีว่าดื่มแก้วนี้แล้วจะได้ล้างพิษในลำไส้ แถมยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ใหญ่
เมนูเครื่องดื่มที่ กินดี นำมาฝากวันนี้ เป็นเครื่องดื่มสกัดจากผลไม้ 3 ชนิด อันได้แก่ สตรอว์เบอร์รี่ ลูกพีชหรือลูกท้อ และแอปเปิ้ลแดง แถมยังมีน้ำแร่รวมอยู่ในส่วนผสม สำหรับ สตรอว์เบอร์รี่ ผลไม้ขวัญใจสาว ๆ อุดมไปด้วยแคลเซียม คลอรีน โซเดียม กำมะถัน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี กรดโฟลิก และไบโอติก เป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย ล้างพิษให้ร่างกายสะอาด ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการจุกเสียด แน่นท้อง บำรุงเลือดและผิวพรรณ แถมยังบรรเทาอาการไอ ขับปัสสาวะได้ดี มาที่ ลูกพีช เปี่ยมไปด้วยวิตามินซี กรดโฟลิก เบตาแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และโพแทสเซียม มักรวมอยู่ที่บริเวณเปลือก ดังนั้น การนำลูกพีชมาทำเป็นเครื่องดื่ม หลังจากล้างจนสะอาดแล้วให้คว้านเพียงเมล็ดออก รับประทานลูกพีชหรือดื่มน้ำจากลูกพีชจะช่วยทำความสะอาดลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ส่วน แอปเปิ้ล มีเบตาแคโรทีน วิตามินซี และไฟโตเคมิคอล เควอเซติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ กรดมาลิก กรดแทนนิก รวมทั้งเส้นใยเพ็กตินที่มีอยู่มากบริเวณแกนผลแอปเปิ้ล ทำหน้าที่ชะล้างลำไส้เล็กอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยย่อยอาหาร ทำความสะอาดกระเพาะอาหารและสำไส้ พิษที่ถูกสารอาหารในแอปเปิ้ลชะล้างจะถูกขับออกมาทางกระแสเลือดแล้วจึงปล่อยออกสู่อวัยวะที่มีหน้าที่ขับถ่าย นอกจากนี้แอปเปิ้ลยังมีโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี1 บี2 และบี6 ช่วยลดความเครียด ล้างพิษในไตและตับ และ น้ำแร่ จะมีแร่ธาตุตามธรรมชาติผสมอยู่หลายชนิดแตกต่างกันตามแหล่งน้ำ โดยเกลือซัลเฟตของโซเดียม หรือแมนีเซียม ที่มีอยู่น้ำแร่เป็นประโยชน์ต่อระบบขับถ่าย เป็นยาระบาย หากต้องการดื่มให้ร่างกายได้ประโยชน์ ควรเตรียมส่วนผสมให้ได้สัดส่วนดังต่อไปนี้ สตรอว์เบอร์รี่ 1 ถ้วย ลูกพีช 1 ถ้วย แอปเปิ้ลแดง 1 ถว้ย น้ำแร่ 1 ถ้วย น้ำแข็งป่น 1 ถ้วยวิธีปรุง เริ่มด้วยการทำความสะอาดผลไม้ทั้ง 3 ชนิด จากนั้นให้หั่นสตรอว์เบอร์รี่และลูกพีชเป็นชิ้นเล็ก ๆ โดยแอปเปิ้ลหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า แล้วนำผลไม้ทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ไผลไม้ เติมน้ำแร่ลงไปในน้ำที่สกัดได้ คนให้เข้ากัน เติมน้ำแข็งป่นเล็กน้อยดื่มได้ทันที ปรุงดื่มสม่ำเสมอ รับรองลำไส้ของคุณจะไม่ใช่ที่โปรดปรานของมะเร็งร้าย

ดื่ม บร็อกโคลี-องุ่นเขียว 100 กำลังพังมะเร็ง


วันนี้มีสูตรเครื่องดื่มระดับขุนพลแก้วเด็ด ที่ช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ต้านพิษ แถมยังบำรุงผิวพรรณ...ความสามารถทั้งหมดนี้มาจาก บร็อกโคลี และ องุ่นเขียว
วันนี้มีสูตรเครื่องดื่มระดับขุนพลแก้วเด็ด ที่ช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ต้านพิษ แถมยังบำรุงผิวพรรณ...ความสามารถทั้งหมดนี้มาจาก บร็อกโคลี และ องุ่นเขียว สำหรับ บร็อกโคลี ผักสีเขียว ๆ นี้อุดมไปด้วย ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต สารต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และยังช่วยเพิ่มระดับกลูตาไทโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญที่ช่วยเหลือตับให้ขับสารพิษ ด้วยเป็นผักที่มีเส้นใยสูงนี้ ยังพบเบตาแคโรทีน วิตามินซี กรดโฟลิก มาเสริมพลังต้านอนุมูลอิสระ ส่วนทีเด็ดของ บร็อกโคลี คือ ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ชนิดที่ใช้ล้างพิษ และช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ทั้งยังมีความมหัศจรรย์เฉพาะตัว เพราะเมล็ดบร็อกโคลีที่กำลังแตกหน่อจะมีสารประกอบต้านมะเร็งมากกว่าเมล็ดพืชชนิดอื่น ๆ ถึง 50-100 เท่า ส่วน องุ่นเขียว ผลไม้ขวัญใจการล้างพิษ เต็มไปด้วยฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี 1 และบี 2 วิตามินซี กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก และกรดทาร์ทาริก ช่วยเพิ่มความเร็วให้แก่กระบวนการเผาผลาญอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ดีต่อเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ หันมาเตรียมส่วนผสมก่อนปรุงเครื่องดื่มเปี่ยมล้นกำลัง เพียงมี....
-บร็อกโคลี 1 ถ้วย -องุ่นเขียว 2 ถ้วย -น้ำแข็งป่น 1 ถ้วยเริ่มที่บร็อกโคลีหั่นให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ส่วนองุ่นเขียวให้ผ่าครึ่งโดยไม่ต้องเอาเมล็ดออก นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เติมน้ำแข็งป่น เพิ่มความเย็นสดชื่น แถมยังได้ส่งสารอาหารตัวเด็ดเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งร้าย.

ช้อปอย่างไรให้มีสติ


จับกระเป๋าสตางค์ให้มั่น ตั้งสติให้เกิด และมาฟังเหล่าเซเลปขาช้อปที่มาบอกเคล็ดลับการซื้อของให้คุ้มค่า คุ้มราคาก่อนออกจากบ้าน
เป็นธรรมดาที่เมื่อถึงช่วงปลายปี ห้างร้านงานแฟร์ต่างๆ ก็พาเหรดสินค้ามาลดราคากันแบบลืมโลก เริ่มที่นางเอกสาวนัยน์ตาแขก หยาดทิพย์ ราชปาล และ กฤติกา ศักดิ์มณี พิธีกรหญิงจากเรื่องเล่าเช้านี้ ที่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้างานไหนไม่เซลล์ไม่ซื้อ ยิ่งถ้ายังไม่รีบใช้รอเซลล์ช่วงท้ายปีจะดีที่สุด เพราะเป็นช่วงที่สินค้าจะโละสต๊อก สินค้าจะถูกมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แล้วเก็บไว้ใช้ปีหน้าก็ยังไม่สาย พระเอกหนุ่มจากวิกพระรามสี่ ทฤษฎี สหวงษ์ ที่หนุ่มๆ น่าจำไปใช้บ้างว่า ผู้ชายควรจะมีกางเกงให้น้อยที่สุด โดยให้ใช้จนคุ้นเคยเป็นตัวเก่ง เช่น กางเกงยีนส์ ขาสั้น หรือว่ากางเกงทำงาน แต่ไปลงทุนกับเสื้อเชิร์ตหรือเสื้อยืดแทน เพราะแค่เปลี่ยนเสื้อก็เหมือนได้เปลี่ยนลุค โดยไม่ต้องซื้อกางเกงสีซ้ำกันหลายตัว แต่ไม่ได้ใช้งาน ส่วนพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลายที่รักซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นชีวิตจิตใจ จะลองใช้วิธีซื้อของสดแบบพิธีกร อย่างเอกราช เก่งทุกทาง ที่เล่าว่า ถ้ามีเวลาว่างจะไปเดินตลาดสดเพื่อจับจ่ายใช้สอยของสดมากกว่าตลาดติดแอร์ เพราะยึดคติของต่อได้ ทำให้น่าซื้อน่าสนมากกว่าของที่บวกภาษีและค่าขนส่งเกินจริง แถมบางครั้งแม่ค้ายังบอกสูตรอาหารอร่อยๆ มาทำทานเองที่บ้านแบบไม่หวงอีกต่างหาก ส่วนแก๊งสาวไฮโซ กัญญารัตน์ พลาดิศัย วันทิตา ลิ่วเฉลิมวงศ์ และกรกนก ยงสกุล เผยว่า ซื้อน้อยชิ้นแต่ใช้ได้นาน ดังนั้นของที่ซื้ออาจจะมีมูลค่าสูงนิดหนึ่ง แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน.

วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

Moi Même

Je suis sociable , volontaire , gaie , corieuse de tout , et réfléchie.

Je n'aime pas des gens qui sont inquiets , hypocrites ,agressif , capricieuses et égoïstes

Je suis affectueuse et ambitieuse mais Je n'aime pas timide

วันเสาร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

อาหารสมองของสาวทำงาน

* กินข้าวกล้องเป็นประจำทุกวัน ช่วยป้องกันโรคเหน็บชา เหมาะกับผู้ที่ต้องนั่งโต๊ะนานๆ เพราะในข้าวกล้องมีวิตามินบีและอีสูง จึงช่วยเพิ่มพลังสมองในการทำงาน แถมป้องกันโรคสมองเสื่อมในอนาคตได้ด้วย...ว้าว
* วิตามินบีหรือที่เรียกว่า “สารให้ความกระปรี้เปร่า” มีอยู่ในข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท จมูกข้าว ถั่ว เมล็ดทานตะวัน นม กล้วย ส้ม เป็นต้น
* วิตามินซีที่อยู่ในผักและผลไม้ เช่น ฝรั่ง สตรอเบอร์รี่ น้ำส้มคั้น มะละกอ บร็อคโคลี กะหล่ำปลี ถั่วงอก ฯลฯ มีส่วนสำคัญในการสร้างฮอร์โมนระงับความเครียดได้
* น้ำมันปลา Omega-3 ในเนื้อปลาแซลมอน ช่วยป้องกันโรคหัวใจ ไขข้ออักเสบ ช่วยลดอาการปวดรอบเดือนและระงับอาการซึมเศร้าเบื่อหน่ายจากการทำงานได้ด้วย
* ผักใบเขียวอย่างตำลึง คะน้า เป็นอาหารกลุ่มโครินที่มีวิตามินบี ซึ่งช่วยเพิ่มความจำและสมาธิ
* ดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวันจะทำให้ร่างกายสดชื่น สมองแจ่มใส ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย และตะคริว ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใสได้แม้อยู่ในห้องแอร์
* แนะนำให้ดื่มน้ำกระเจี๊ยบหรือน้ำมะนาวในช่วงบ่ายที่กำลังง่วง เพราะมีทั้งรสเปรี้ยวและหวาน มีวิตามินซีสูง แถมมีธาตุเหล็กอีกด้วย สำหรับน้ำใบบัวบก จริงๆ แล้วเป็นยาบำรุงแก้อ่อนเพลีย ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย เสริมสร้างความจำและช่วยให้สมองทำงานได้ดี
* ทานของหวานหลังอาหารกลางวันช่วยเพิ่มความรู้สึกสดชื่นได้ยาวนานขึ้น การทานรสเปรี้ยวและหวานช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นในร่างกาย ถ้าตอนบ่ายง่วงอาจกินผลไม้รสเปรี้ยว อย่างมะม่วงหรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ เพื่อเพิ่มความกระตือรือร้นได้
* ถ้าทำงานที่ต้องใช้สายตานานๆ ต้องมีถั่วติดโต๊ะไว้ เพราะถั่วมีวิตามินบี2 บำรุงสายตาได้ดี
* ผู้หญิงช่วงมีรอบเดือน ร่างกายจะขาดธาตุเหล็ก จนทำให้เหนื่อยง่าย หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ แนะนำให้ทานวิตามินซีควบคู่ไปกับการรับประทานเหล็ก จะเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น
* ชาเขียวช่วยทำให้ลมหายใจสดชื่นและช่วยให้สิ่งแวดล้อมรอบตัวสะอาดปลอดโปร่งขึ้น เพราะถุงชาช่วยลดมลพิษภายในอาคาร ซึ่งเป็นอาการป่วยที่มีสาเหตุมาจากการแพ้อากาศภายในอาคาร เช่น โรคภูมิแพ้ ผืนแดงตามร่างกาย เป็นต้น
* ไม่ควรรับประทานอาหารรสจัดในมื้อเช้า เพราะตื่นเช้าขึ้นมาร่างกายยังอ่อนแอปรับตัวไม่ทัน ยิ่งถ้าตอนเช้าคุณมีประชุมด้วยละก็อาจเดือดร้อนเพราะท้องเดินได้
* จริงๆ แล้ว ผู้ที่ไม่มีเวลารับประทานอาหารเช้าหรือติดดื่มกาแฟ ควรดื่มน้ำผลไม้ 1 แก้ว แล้วค่อยดื่มกาแฟตาม เพราะการดื่มกาแฟโดยที่ไม่มีอะไรรองท้องจะช่วยเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าได้ไม่นาน หลังจากนั้นจะกลับมาง่วงเหมือนเดิม และไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 3 แก้วต่อวัน และอย่าลืมว่าครีมกับน้ำตาลทำให้อ้วนได้
* ทางที่ดีหลีกเลี่ยงชาและกาแฟ โดยเฉพาะในช่วงเย็นถึงกลางคืน เพราะอาจทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ส่งผลให้สมองพักผ่อนไม่เพียงพอ ผู้ที่ดื่มชา กาแฟ และสุรา เป็นประจำจะทำให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้น้อยกว่าที่ควร

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กินซะ ... แก้ปัญหา เส้นเลือดขอด


เส้นเลือดขอดถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สาว ๆ มักจะหนักใจ เพราะเส้นเลือดขอดนั้นถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคความสวของผู้หญิงเราเลยทีเดียววันนี้ก็เลยจะหยิบเอาตัวอย่างอาหารที่จะช่วยลดปัญหานี้มาฝากเพิ่มเติมกันด้วยค่ะ โดยอาหารต่าง ๆ เหล่านี้ จะช่วยลดเส้นเลือดขอดได้- ใยอาหารไม่ละลายน้ำ เช่น ยอดแค มะเขือพวง ถั่วเมล็ดแห้ง ทับทิม ช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ ลดการปวดเกร็งซึ่งส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอด- วิตามินซี เช่น แขนงผัก บรอกโคลี พริก ผลไม้ตระกูลส้ม ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง - ผัก ผลไม้ที่มีสารฟลาโวนอยด์ เช่น เบอร์รี่ องุ่น ธัญพืช ทำงานร่วมกับวิตามินซีเสริมความแข็งแรงและลดรอยรั่วของหลอดเลือดทราบอย่างนี้แล้ว เพื่อน ๆ ที่นี่ก็อย่าลืมหามาทานกันนะคะ จะได้ช่วยลดเส้นเลือดขอด เพื่อจะได้หมดปัญหามากวนใจความสวยกันนะคะ

วันเสาร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์

กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์
สถานที่ตั้งเมืองซัลลิสเบอรี่มณฑลวิลไซร์ ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบัน เข้าเยี่ยมชมได้
ที่ทุ่งนาแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงลอนดอนออกไปประมาณ90ไมล์ มีแนวหินเรียงรายราวๆ3กิโลเมตรและมีกลุ่มหินใหญ่ ประมาณ30ก้อนตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่งนา เป็นรูปวงกลม กว้าง30เมตรโดยไม่มีร่องรอยของความเป็นมาและไม่ปรากฏว่ามีการเคลื่อนย้ายสิ่งปรักหักพังในการก่อสร้างคาดว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อน ค.ศ. ประมาณ2,000ปี ซึ่งหิน16 ใน30 ก้อนที่ตั้งอยู่รอบนอกเฉลี่ยแล้วสูง 4 เมตร

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552

“บร็อคโคลี่ ชิป” เจ้าแรกในโลก รับเทศกาลเจ


Greenday ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมอบกรอบเพื่อสุขภาพ เชิญทุกท่านร่วมสร้างบุญ สร้างกุศล ช่วงเทศกาลกินเจในเดือนตุลาคมนี้ ด้วยขนมเพื่อสุขภาพ “บร็อคโคลี่ ชิป” (Broccoli Chips) ขนมอบกรอบแนวใหม่ปรุงสุกและให้ความกรุบกรอบอร่อยด้วยกระบวนการผลิตในระบบสูญญากาศ ทรงคุณค่าสารอาหาร และรสชาติแบบธรรมชาติ อย่างครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ดูแลรูปร่างเป็นอย่างดี เพราะขั้นตอนผลิตสามารถลดปริมาณน้ำมันเหลือเพียงแค่ 2-3 % ต่างจากขนมทั่วไปที่มีปริมาณน้ำมันมากถึง 30%
วันนี้คุณสามารถมีสุขภาพดีไปกับ “บร็อคโคลี่ ชิป” ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ พร้อมลดความเสี่ยงของมะเร็ง และป้องกันแบคทีเรียในกระเพาะอาหารได้ในรูปแบบบรรจุกล่องขนาด 30 กรัม ราคา 60 บาท หาซื้อกันได้แล้วที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

คีเลชั่น (Chelation) คืออะไร

คีเลชั่น (Chelation) คืออะไร? คีเลชั่น คือ การให้สารน้ำทางหลอดเลือด (ให้น้ำเกลือ) ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ
คีเลชั่น (Chelation) คืออะไร? คีเลชั่น คือ การให้สารน้ำทางหลอดเลือด (ให้น้ำเกลือ) ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่ง EDTA ทำหน้าที่สำคัญ ในการจับสารโลหะหนักเช่น ตะกั่ว ปรอท สารหนู หรือ แม้แต่แคลเซี่ยมส่วนเกิน ซึ่งสะสมตกค้างในเนื้อเยื่อ และพอกอยู่ ตามผนังหลอดเลือดของเรา เพื่อขจัดออก จากระบบปัสสาวะ ระยะเวลาในการให้น้ำเกลือแต่ละครั้ง ประมาณ 2.5-3 ชั่วโมง ระหว่างที่ให้น้ำเกลือสามารถ พักผ่อน ดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือหรือฟังเพลงได้ตาม ปกติธรรมดา ภายหลังจากการเสร็จการรักษาสามารถ ประกอบกิจกรรมได้ตามปกติไม่จำเป็นต้องนอนพัก
ประโยชน์ที่ได้รับ
ขจัดสารพิษตกข้างในร่างกายและระบบหลอดเลือด
ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง
ทำให้ระบบการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น
ลดอัตราเสี่ยงของหลอดเลือดแข็งอุดตันและตีบแคบซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจขาดเลือด
ป้องกันโรคความเสื่อมต่างๆที่เกิดขึ้นจากระบบหมุนเวียนที่ไม่ดี
ล้างพิษด้วย Chelation Therapy ดีอย่างไร ?โลกที่เต็มไปด้วยมลพิษ ทั้ง น้ำ และอากาศ ดิน อาหาร ทุกอย่างล้วนมี โอกาสที่จะปนเปื้อนสารพิษ โลหะหนักได้ สารพิษโลหะหนักพบได้ในวัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง ยารักษาโรค อาหารที่ผ่านกระบวนการ ต่าง ๆ แหล่งเชื้อเพลิงผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลสุขภาพ สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ รวมถึงมนุษย์ ก่อให้เกิดความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเซลล์ทำให้ความสามารถในการนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเสื่อมสภาพของอวัยวะในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
คีเลชั่นเหมาะกับใคร
ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด เช่น อุดฟันด้วยโลหะ อมัลกัม มีไขมันในเส้นเลือดสูง มี oxidative stress (ระดับอนุมูลอิสระสูง) เช่น ดื่มชา กาแฟ แอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือคนในบ้านในที่ทำงานสูบ ฯลฯ
ผู้ที่มีปัญหาพิษโลหะสะสมและปัญหาสารพิษอื่นๆ สะสมในร่างกาย
ผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ การไหลเวียนเลือดบกพร่อง มีอาการ เช่น เวียนหัวง่าย ฯลฯ
ผู้ที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตสูง เนื่องจากหลอดเลือดไม่ยืดหยุ่น
ผู้ที่แข็งแรงดี แต่ต้องการป้องกันตนเองจากโรคมะเร็งและโรคเส้นเลือด ตีบตัน รวมทั้งต้องการกำจัดสารพิษและโลหะหนักออกจากตัวและ ต้องการรักษาสภาพของเส้นเลือดทั่วตัว ไม่ให้เกิดการอุดตันในอนาคต
ผู้ที่ไปทำบอลลูนเส้นเลือด,ใส่ขดลวด,ทำบายพาส มาแล้ว เพราะจะเกิดการอุดตันใหม่เร็ว ๆ นี้ การทำคีเลชั่น จะลดปัญหาเหล่านั้นได้
ข้อควรทราบเมื่อต้องการทำ คีเลชั่น
ควรตรวจร่างกายเพื่อประเมินปัญหาที่เป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจประสิทธิภาพการทำงานของไต ก่อนเข้ารับบริการ
ระหว่างการรักษา ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากขึ้น แนะนำให้ดื่มน้ำผลไม้ เพราะระหว่างการทำอาจ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีวิตามิน แร่ธาตุ พอเพียงต่อการเสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกาย
ผลข้างเคียงจากการทำคีเลชั่นระยะแรกบางท่านอาจมีอาการอ่อนเพลีย อันเนื่องจากกระบวนการขับสารพิษออกจากร่างกาย อาการที่เกิดขึ้น แก้ได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำผลไม้และรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วนตามความ ต้องการของร่างกาย
สำหรับขั้นตอนการบำบัดรักษาประกอบด้วย
พบแพทย์เพื่อซักถามประวัติและตรวจร่างกาย อย่างละเอียด โดยจะมีการคำนวณปริมาณยาที่เหมาะสมเป็น รายบุคคล
ทำการตรวจ LAB พื้นฐานเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ
ทำการตรวจวิเคราะห์ผลเลือด (Live Blood Analysis) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากสามารถบงบอก ภาวะของเลือด
ในขณะที่เซลล์ยังมีชีวิตซึ่งสามารถประเมินภาวะของร่างกายได้หลากหลายครอบคลุมในหลายๆ โรค
ทำการบำบัดด้วย คีเลชั่นบำบัดตามสูตรยาที่เหมาะสม แก่ผู้เข้ารับการบำบัดแต่ละราย
นัดติดตามผลเป็นระยะ ซึ่งระยะเวลาขึ้นกับลักษณะของโรคที่เรามีปัญหาอยู่

วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เบาหวานกับสุขภาพในช่องปาก

เบาหวานทำให้ร่างกายมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อน้อยลง ดังนั้นจึงพบคำถามเกี่ยวกับช่องปากจากคนที่เป็นเบาหวานอยู่บ่อยๆ
พ.ต.ท.ทพ.พจนารถ พุ่มประกอบศรี
ปัจจุบันนี้มีผู้ที่เป็นโรคเบาหวานสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ หากดูแลรักษาสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและสม่ำเสมอ คนที่เป็นเบาหวานนั้นจะต้องตระหนักว่าผลข้างเคียงอาจมีผลหรือสร้างปัญหาต่ออวัยวะส่วนอื่นๆ ที่สำคัญเบาหวานทำให้ร่างกายมีความสามารถในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อน้อยลง คือ ติดเชื้อง่ายขึ้นและแผลหายช้า ดังนั้นผมจึงพบคำถามเกี่ยวกับช่องปากจากคนที่เป็นเบาหวานอยู่บ่อยๆ เช่น
เป็นโรคเบาหวานถอนฟันได้หรือไม่?
ทำไมคนเป็นเบาหวานเป็นโรคเลือดออกได้ง่าย?
ทำไมเป็นเบาหวานแล้วเกิดแผลในช่องปากบ่อยๆ?
ดังนั้นเราควรมาเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ของโรคเบาหวานกับสุขภาพในช่องปาก เพื่อควบคุมปฏิบัติให้ถูกต้อง ก็จะช่วยให้มีความสุขในการใช้ฟันเคี้ยวอาหารและลดเรื่องยุ่งยากลงได้อย่างมากทีเดียวครับ ปัญหาสุขภาพในช่องปากที่มักสัมพันธ์ไปกับโรคเบาหวานมีอะไรบ้าง
ฟันผุ
โรคเหงือกอักเสบ
ปัญหาต่อมน้ำลายทำงานผิดปกติ
การติดเชื้อราในช่องปาก
การติดเชื้อและเป็นแผลแล้วหายช้า
การรับรู้รสเสียไป
จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรได้รับการตรวจเช็คสุขภาพเป็นประจำ และควรมีข้อมูลเหล่านี้ให้ทันตแพทย์ทราบทุกครั้งที่ไปทำฟันเพื่อที่ทันตแพทย์จะได้เตรียมการรักษาให้เหมาะกับคุณ
ถ้าคุณพบว่าเป็นเบาหวานอย่าปิดบังเพื่อจะได้ทำฟัน หลายท่านเข้าใจว่าถ้าบอกหมอว่าเป็นเบาหวานหมอจะไม่ทำฟันให้
คุณได้รับการรักษาเบาหวานและอยู่ในความดูแลของแพทย์อยู่
มียาอะไรบ้างที่ใช้อยู่
อาหารและฟันผุหากคนที่เป็นเบาหวานปล่อยปละละเลยไม่ควบคุมน้ำตาลให้ดี ปริมาณน้ำตาลที่สูงขึ้นในเลือด ในน้ำลาย ช่วยให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตได้เร็วขึ้นนั้น หมายถึงโอกาสที่เกิดโรคฟันผุและเหงือกอักเสบก็ง่ายขึ้นด้วย
คนที่เป็นเบาหวานจึงต้องหมั่นรักษาความสะอาดในช่องปากให้มากๆ นั้นคือ แปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ ทำความสะอาดตามซอกฟัน เพื่อลดคราบอาหารที่เป็นส่วนช่วยเสริมทำให้เกิดฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ
คราบอาหารหรือขี้ฟัน ถ้าไม่ถูกขจัดออกปล่อยทิ้งสะสมไว้ มันจะรวมตัวกันเป็นหินปูน ซึ่งทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกและติดเชื้อในช่องปากได้ง่ายขึ้น ก็เพราะว่า เบาหวานลดการป้องกันการติดเชื้อของร่างกายลง เหงือกและกระดูกรองรับรากฟันก็จะถูกกระทบเช่นกัน คนที่เป็นเบาหวานจึงเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ง่ายและสูญเสียฟันไปอย่างรวดเร็ว ถ้าดูแลไม่ถูกต้อง
เราพบว่าคนเป็นเบาหวานที่ไม่สนใจควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจะเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ง่ายและรุนแรงถึงขนาดสูญเสียฟันไปได้ง่ายกว่าคนที่เป็นเบาหวานแต่ได้รับการควบคุมอย่างดี ถ้าหากคุณพบว่ามีอาการเหล่านี้ต้องรีบไปพบทันตแพทย์ทันที
เหงือกมีเลือดออกบ่อยๆ และง่าย
เหงือกอักเสบแดง และเจ็บ
มีหนองอยู่ตามซอกเหงือก
มีกลิ่นปาก
ฟันโยก
ฟันปลอมที่ใส่อยู่หลวม
การติดเชื้อรา ปกติแล้วในช่องปากก็มีแบคทีเรียและเชื้อราอยู่ แต่ร่างกายปกติสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่ในสภาพที่มีเบาหวานนั้นการเปลี่ยนแปลงและการป้องกันนี้ลดลง เชื้อราในช่องปากจึงมักปรากฎบ่อยๆ ในคนเป็นเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่สูบบุหรี่ คนที่ใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
เมื่อคุณเป็นเบาหวานมีรายละเอียดที่แตกต่างไปจากปกติที่ต้องให้ความสนใจ คือ การดูแลรักษาสุขภาพในช่องปากให้สะอาดอย่างจริงจัง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ นั่นคือ
คุณเองต้องขยันแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟันหลังอาหารทุกมื้อ
ใกล้ชิดหมอฟันมากหน่อย ตรวจฟันทุกๆ 3 เดือน ทำความสะอาดขูดหินปูนอย่าให้คราบหินปูนเกาะตามขอบเหงือกและฟัน
ควบคุมอาหารหวานและแป้งที่ง่ายต่อการเกิดโรคเหงือกและฟันผุ
หัดเป็นคนช่างสังเกตุว่ามีอะไรสิ่งผิดปกติในช่องปาก เลือดออกง่าย ฟันโยก เสียวฟัน ก็รีบพบทันตแพทย์ทันที
เมื่อจำเป็นต้องไปพบทันตแพทย์ เพื่อรักษาฟัน คุณควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่าให้สูงมาก บางครั้งแพทย์ต้องให้ยาปฏิชีวนะก่อนทำทันตกรรมเพื่อลดการเสี่ยงการติดเชื้อ จะเห็นได้ว่าคนที่เป็นเบาหวานนั้น ถ้าหากเข้าใจลักษณะที่มากับโรคนี้และมีผลกระทบกับช่องปากอย่างไรแล้วสามารถควบคุมได้ ก็จะช่วยลดผลแทรกซ้อน และคุณก็จะมีสุขภาพในช่องปากที่ดีสามารถใช้ฟันบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีความสุขครับ

รวมเรื่องจริงที่คุณโดนหลอกบ่อยๆ

รวบรวมความเชื่อที่ถูกบอกกล่าวเล่าขานกันมานานเกี่ยวกับสุขภาพและร่างกาย อะไรจริง อะไรมั่ว ลองตามไปอ่านกันค่ะ
ความเชื่อ : หลังจากเสียชีวิต ผมและเล็บของมนุษย์ยังสามารถยาวและงอกต่อได้ เนื่องมาจากสารเคมีในร่างกายตามธรรมชาติ ข้อเท็จจริง : ไม่เป็นความจริง เพราะเมื่อเสียชีวิต อวัยวะทุกอย่างจะหยุดทำงานอย่างถาวร แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิดเสียทีเดียว เพราะเมื่อเราเสียชีวิตผิวหนังบริเวณเล็บและหนังศีรษะที่เป็นเนื้อเยื่ออ่อนจะหดลงตามธรรมชาติ (เช่นเดียวกับเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ) ทำให้ดูเหมือนว่าผมและเล็บยาวขึ้นได้เอง ความเชื่อ : อ่านหนังสือในที่สลัว หรือใช้ไฟฉายส่องจะทำให้สายตาเสีย-ต้องใส่แว่น ข้อเท็จจริง : นับว่าเป็นหนึ่งในคำขู่สุดฮิตของบรรดาคุณพ่อและคุณแม่ การที่อ่านหนังสือในที่มีแสงสว่างน้อย หรือใช้ไฟฉายส่องไม่มีผลทำให้สายตาเสียขนาดต้องใส่แว่น อย่างไรก็ตามการอ่านหนังสือในที่ที่แสงสว่างส่องไม่เพียงพอ หรือแสงที่ส่องไม่มีคุณภาพ เช่น แสงจากหลอดไส้ แสงไฟฟลูออเรสเซนท์ที่มีสีแสบตา การอ่านหนังสือในสภาวะเช่นนี้ส่งผลทำให้ตาต้องปรับโฟกัสมากกว่าปกติ ทำให้เกิดอาการตาแห้ง เมื่อยล้าได้ง่าย เนื่องจากต้องใช้การเพ่งมากกว่าปกติ ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก ความเชื่อ : เผลอกลืนหมากฝรั่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ข้อเท็จจริง : เป็นคำขู่ของผู้ใหญ่อีกเช่นกัน แต่ก็ทำให้เด็กระมัดระวังในการเคี้ยวหมากฝรั่งได้ผลดีนัก ในความเป็นจริงแล้ว การเผลอกลืนหมากฝรั่งไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ไม่ถึงขนาดต้องไปพึ่งแพทย์ให้ผ่าตัดเอาก้อนหมากฝรั่งออก เพราะระบบย่อยอาหารของคนเราสามารถย่อยหมากฝรั่งได้เหมือนกับอาหารชนิดอื่นๆ แต่ระบบย่อยอาหารอาจจะต้องทำงานหนักมากกว่าปกติสักหน่อย เนื่องจากส่วนผสมหนึ่งของหมากฝรั่งคือยาง แต่ก็สามารถย่อยหมดภายในเวลา 24 ชั่วโมง จากนั้นขับออกมาทางอุจจาระตามปกติ ความเชื่อ : การดึงหรือหักนิ้วมากๆ จะทำให้เป็นโรคข้ออักเสบ หรือข้อเสื่อมได้ง่าย ข้อเท็จจริง : โรคข้ออักเสบ หรือข้อเสื่อมมีปัจจัยมาจากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม อายุ น้ำหนัก อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา หรือการติดเชื้อบริเวณข้อ เป็นต้น การดึงหรือหักนิ้วจนทำให้เกิดเสียงดังกร๊อบแกร๊บ เป็นการบิดและดึงจนทำให้น้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อที่ป้องกันการเสียดสีระหว่างกระดูก เกิดแรงดันกลายเป็นฟองอากาศจนเกิดเสียงขึ้น การดึงแบบนี้ไม่ส่งผลใดๆ ต่อข้ออย่างที่เข้าใจกัน แต่การดึงหรือหักข้อนิ้วเป็นประจำจะทำให้เอ็นรอบๆ ข้อสูญเสียความแข็งแรงและความยืดหยุ่น ความเชื่อ : กินไอศกรีมโยเกิร์ตลดความอ้วน แถมดีต่อร่างกาย ข้อเท็จจริง : สิ่งที่เหมือนกันระหว่างโยเกิร์ตและไอศกรีมโยเกิร์ตคือ สีขาวของโยเกิร์ต การเลือกรับประทานไอศกรีมที่ทำมาจากโยเกิร์ตย่อมดีกว่าไอศกรีมทั่วไปในเรื่องของปริมาณพลังงานและไขมัน ทั้งนี้หากพิจารณาคุณประโยชน์ที่ได้จากการรับประทานไอศกรีมโยเกิร์ตก็คงจะดีไม่เท่ากับการรับประทานโยเกิร์ต เนื่องจากไอศกรีมที่ทำมาจากโยเกิร์ตต้องผ่านกระบวนการผลิตและปั่นหลายขั้นตอน ทำให้จุลินทรีย์ชนิดดีต่อสุขภาพนั้นสูญสลายไปหมด ถ้าอยากลดความอ้วนหันมารับประทานผลไม้สดแช่เย็นก็อร่อยไม่แพ้กันค่ะ แถมยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552

“จะเลือกสบู่ชนิดไหนให้เหมาะเจาะกับผิวของ เราดี?” คำถามนี้อาจจะเคยลอยขึ้นมาระหว่างที่น้องๆ dek-d.com เลือกซื้อสบู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต เพราะว่าในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ สบู่มีกันอยู่มากมายหลายชนิด และรูปแบบเหลือเกิน ถ้าอย่างนั้นพี่เหมี่ยวว่าน้องๆ ลองมาดูคำถาม 3-4 ข้อต่อไปนี้ เผื่อจะช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อสบู่ที่เหมาะกับผิวได้นะคะ
เคล็ดลับช้อปปิ้ง : เลือกซื้อสบู่ให้ถูกใจสบายผิว
“สบู่ที่มีระดับพีเอช สูงจะเป็นอันตรายหรือไม่” คงต้องทราบก่อนว่าค่าพีเอช (pH) เป็นหน่วยวัดค่าความเป็นกรดด่าง มีช่วงตั้งแต่ 0-14 ถ้าความเป็นกรดสูงมาก ค่าพีเอชจะเท่ากับศูนย์ ส่วนค่าความเป็นด่างจะมีตัวเลขสูงขึ้น ระดับพีเอชของผิวคนเรานั้นมีปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับปัญหาผิวหนัง ค่าพีเอช ผิวหนังคนเราค่อนข้างเป็นกรดอยู่ ระหว่าง 4.5-5.5 อย่างไรก็ตาม อาจมีความเปลี่ยนแปลงในระดับพีเอช เมื่อมีการติดเชื้อ สบู่ที่ผลิตจำหน่ายโดยทั่วไปค่าพีเอชอยู่ระหว่าง 9-11 จะเพิ่มระดับพีเอชที่ผิวหนังอาจเป็นอันตรายได้หากสูงมากเกินไป
“สบู่ชนิดหนึ่งต่างกับชนิดอื่นอย่างไร” คำถามนี้ ตอบได้ง่ายๆว่า ไม่ว่าจะมีสบู่มากมายหลายยี่ห้อเต็มท้องตลาด แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทุกยี่ห้อมีวัตถุประสงค์หลักในการทำความสะอาดผิวให้ปลอดจากเชื้อโรค ส่วนประกอบหลักคล้ายกันคือมีไขมันและสารพื้นฐานที่นำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้มากมาย เพียงแต่ว่าบางยี่ห้อเติมสารให้ความชุ่มชื้นสำหรับผิวแห้ง บางยี่ห้อก็เพิ่มกลิ่นหรือสารอื่น
“แล้วเราจะเลือกสบู่ให้เหมาะกับผิวได้อย่างไร” สำหรับคนผิวแห้งจะไม่ค่อยมีน้ำมันตามธรรมชาติออกมาตามผิวหนัง ควรเลือกสบู่ที่มีไขมันสูง หรือเป็นครีม สำหรับสบู่ธรรมชาติที่มีส่วนผสมของ ว่านหางจระเข้ อะโวคาโด หรือน้ำมันจากพืช ก็จัดว่าเป็นสบู่ที่ดีที่สุดสำหรับ คนผิวแห้งเช่นกัน ในขณะที่คนผิวมัน ควรเลือกใช้สบู่ต้านเชื้อโรค หรือที่มี ส่วนผสมของลาเวนเดอร์ คาโมไมล์ และไทม์
บางคนอาจสงสัยว่าแล้วสบู่ยาล่ะ “สบู่ยาจะดีกับผิวมั้ย” เรื่องของ สบู่ยานั้นต้องเข้าใจว่ามันออกแบบขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อป้องกันและรักษา การติดเชื้อของผิวหนัง สบู่เหล่านี้จึงมีส่วนประกอบของสารหรือตัวยาระงับเชื้อ จะได้ทำความสะอาด ป้องกัน การติดเชื้อและระงับกลิ่นตัวได้ด้วย
สบู่ยาจะมีส่วนประกอบของซัลเฟอร์ หรือกรดซาลิไซลิค โดยทั่วไปแล้วจะแนะนำให้ใช้เพื่อระงับการติดเชื้อรา นอกจากนี้ ยังมีสบู่ที่ผสมวิตามินอี น้ำมันฮะโฮบะ ก็จะเป็นประโยชน์กับคนที่เป็นโรคผิวหนังแห้งชนิดต่างๆ เช่น โรค ผิวหนังเอคซีมา โรคเรื้อนกวาง เป็นต้น
พี่เหมี่ยวหวังว่าข้อมูลที่นำมาฝากกันในวันนี้จะช่วยให้น้องๆ ตัดสินใจเลือกสบู่ให้เหมาะกับตัวเองได้ง่ายขึ้นนะคะ ^^

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

เสียเหงื่อไม่เสียน้ำ


การดื่มน้ำที่ได้สมดุลต่อสุขภาพร่างกาย มีปริมาณมากน้อยเพียงใด เรามีคำแนะนำง่ายๆ ค่ะ
การออกกำลังกายที่ต้องออกแรงให้รู้สึกเหนื่อยหอบปานกลาง ทำให้หัวใจเต้นสูบฉีดต่อเนื่องในระยะเวลาที่เหมาะสมและอย่างสม่ำเสมอ ช่วยทำให้ปอดและหัวใจแข็งแรง สุขภาพโดยรวมแข็งแรง ห่างไกลโรคร้ายอย่างโรคอ้วนหรือเบาหวานได้อย่างสบายๆ
การออกกำลังกายเรียกเหงื่อจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นกระปรี้กะเปร่า ซึ่งเมื่อเสียเหงื่อก็ต้องดื่มน้ำเปล่าเข้าไปชดเชยน้ำที่สูญเสียไปจากร่างกายในรูปของเหงื่อ โดยการดื่มน้ำที่ได้สมดุลต่อสุขภาพร่างกายของคุณตั้งแต่ทั้งก่อน ระหว่างและหลังออกกำลังกายต้องมีปริมาณมากน้อยเพียงใด เรามีคำแนะนำง่ายๆ ค่ะ
ก่อนออกกำลังกายควรดื่มน้ำให้เพียงพอ ประมาณ 400-600 มล. (1-1 ½ ขวดกลาง) ก่อนการออกกำลังกายทุกชนิดล่วงหน้าสัก 1-2 ชั่วโมง และอีก 200-400 มล. (1/2 -1 ขวดกลาง) ก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการจุกเสียดท้อง
ระหว่างการออกกำลังกายขณะออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน ร่างกายจะขับเหงื่อเพื่อปรับและรักษาอุณหภูมิไว้ให้สมดุล ดังนั้นเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ ในกรณีที่ออกกำลังกายน้อยกว่า 60 นาที คุณควรพักดื่มน้ำทุกๆ 15-20 นาที ครั้งละ 200 มล. (1/2 ขวดกลาง) ทั้งนี้ในกรณีที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังขาดน้ำ เช่น คอแห้ง น้ำลายเหนียว ก็ควรพักดื่มน้ำสักหน่อยก่อนกลับไปออกกำลังกายต่อ สัก 2-3 อึกก็ยังดี หรือถ้าออกกำลังกายที่มีความหนักและสูญเสียเหงื่อมาก อาจดื่มน้ำเกลือแร่เสริมได้ เพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือด ป้องกันไม่ให้เหนื่อยอ่อนแรงและช็อค ซึ่งจะให้ดีเครื่องดื่มนั้นควรมีอุณหภูมิประมาณ 15-20 องศาเซลเซียส เพื่อเพิ่มการดูดซึม
หลังการออกกำลังกายการดื่มน้ำชดเชยเหงื่อที่สูญเสียไปจากการออกกำลังกายขึ้นอยู่กับความหนัก เปรียบเทียบง่ายๆ ด้วยการชั่งน้ำหนักก่อนและหลังการออกกำลังกาย (ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดว่าหลังออกกำลังกายหรือซาวนาแล้วจะผอมทันที เพราะจริงๆ แล้ว น้ำในร่างกายสูญเสียไปต่างหาก) หรือปริมาณปัสสาวะที่ขับออกมาก็ได้ ถ้าปัสสาวะมีสีเข้มแสดงว่าดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และพยายามหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ดังนั้นระหว่างการออกกำลังกาย อย่ามัวแต่สนุกสนานกับการเผาผลาญพลังงานจนลืมดื่มน้ำนะคะ มิฉะนั้นอาจจะหมดเรี่ยวแรง และอาจเกิดอาการขาดน้ำจนถึงช็อคได้ ส่วนน้ำที่ดีที่สุดเมื่อออกกำลังกายก็คือ น้ำเปล่า...ทั้งนี้รวมถึงคนที่ทำกิจกรรมทั่วไปก็ต้องดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว นะคะ...วันนี้คุณดื่มน้ำเพียงพอแล้วหรือยัง?

วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552

ความยาวของนิ้วนาง อาจทำนายความสำเร็จของฐานะทางการเงินได้

เด็กที่วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่อ่านหนังสือเรียน การบ้านก็ไม่ทำ งานบ้านก็ไม่เคยคิดจะหยิบจับช่วยเหลือพ่อแม่ ทานอาหารแล้วไม่รู้จักล้างจานชาม เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างพฤติกรรมของ "เด็กไม่เอาถ่าน" ทำไมจึงเรียก "เด็กไม่เอาถ่าน" คาดกันว่าคำนี้มีที่มาจากคำเดิม คือ "เหล็กไม่เอาถ่าน" เพราะในสมัยก่อนนั้น การหลอมเหล็กหรือตีอาวุธจากเหล็กให้แข็งแกร่งนั้น จำเป็นต้องใช้ถ่านในการก่อเปลวไฟจนลุกโชน เพื่อให้ความร้อนแก่เหล็ก แล้วถ่านหรือคาร์บอนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในเนื้อเหล็กหลังจากการถลุง ถ้าเหล็กไม่มีถ่านผสมอยู่เลย เหล็กนั้นจะมีคุณภาพต่ำ ไม่แข็งและเหนียวพอที่จะเรียกว่า เหล็กกล้า แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เหล็กเปราะ เหล็กที่ดีควรมีคาร์บอนเข้าไปผสมอยู่ประมาณ 0.1 - 1.8% ช่างตีอาวุธจากเหล็กในสมัยโบราณ จำเป็นต้องคิดค้นหากลวิธี เพื่อขจัดปัญหาดาบหัก เพราะแสดงถึงกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ดีทำให้เหล็กไม่เอาถ่าน จนกลายเป็นคำพูดติดปาก เปรียบเทียบนิสัยคนกับอาวุธว่า "เหล็กไม่เอาถ่าน"

วันเสาร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2552

ไข่ขาวรักษาแผลน้ำร้อนลวก


ใครที่ไม่อยากมีแผลเป็นจากการลูกน้ำร้อนลวกฟังทางนี้ เรามีวิธีรักษามาบอก
เริ่มแรกนำไข่ไก่มา 1 ฟอง ตอกใส่ในถ้วย แล้วแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว จากนั้นนำไข่ขาวมาทาบริเวณที่ถูกน้ำร้อนลวกให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพัก จนกว่าจะแห้ง เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด รอยแผลแดง หรือ พุพองก็จะหายไป ข้อแนะนำ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้แผลโดนน้ำเย็น หรือแคะแกะ เกา แผลเด็ดขาด เพราะจะทำให้หนังถลอก รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่ไม่อยากเป็นแผลเป็น ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้กันดูได้.

ออฟฟิศซินโดรมโรคร้ายที่บรรเทาได้

ไม่ต้องตกใจเพราะมั่นใจได้ว่าเกินครึ่งคนทำงานออฟฟิศเป็นโรคนี้แทบทุกคน
ใครที่อ่านสารพันวันละโรคแล้วเข้าข่ายเป็นออฟฟิสซินโดรม เพียงแต่จะแสดงอาการถึงขั้นไหน อย่างที่ทราบไม่ตายในทันที แต่แสนทรมานฉะนั้นควรรู้วิธีบำบัดและบรรเทาเพื่อให้รางวัลกับร่างกายตัวเองจากการทำงานหนักบ้าง อาการแรกที่หลายคนเป็น คือปวดร้าวตั้งแต่คอไปจนถึงเอว หรือผู้หญิงบางคนที่ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ หิ้วกระเป๋าหรือโน้ตบุ๊คหนักเกินไป จะมีอาการปวดขาและไหล่ร่วมด้วย แพทย์อายุรเวทบอกเคล็ดลับให้นำไปปฏิบัติคือ
1.ยืดกล้ามเนื้อประมาณ 10 นาทีเมื่อใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกัน 2 ชั่วโมง
2.วางแขนแนบโต๊ะทำงานตั้งแต่ศอกไปจนถึงข้อมือเวลาใช้คีย์บอร์ด
3.ใช้หมอนรองบริเวณหลังเวลานั่งเก้าอี้สำนักงาน เพื่อป้องกันการปวดหลัง
4.เมื่ออาการปวดเมื่อยเริ่มสำแดง งดออกกำลังกายที่หนักเกินไป ควรใช้วิธีบริหารหรือคลายกล้ามเนื้อแทน เช่น การว่ายน้ำหรือเล่นโยคะ ตาแห้ง สายตาพล่ามัว ปวดกล้ามเนื้อตา ใต้ตาคล้ำ อาการยอดฮิตอีกอย่าง แนะนำให้เมื่อกลับมาจากทำงาน นำแตงกวาหรือถุงชามาแปะไว้บนเปลือกตา หลับตาพักประมาณ 15 นาที หากใครรักสวยรักงามขึ้นมาอีกนิด ให้ฝานมันฝรั่งสดแปะใต้ดวงตาเป็นประจำจะช่วยลดอาการบวมและดำได้ชะงัด สำคัญอย่าลืมรับประทานผักที่มีวิตามินเอควบคู่ไปด้วย ใครที่ยังเข้าใจผิดคิดว่าผักบุ้งมีวิตามินเอมากที่สุด รู้ข้อมูลใหม่โดยกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขจัด 5 อันดับที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ นำลิ่วมาก่อนใครคือตำลึง ผักหวาน แครอท ฟักทอง และมะเขือเทศ ตามลำดับ ส่วนใครที่มีอาการขั้นรุนแรงเกินกว่าปวดเมื่อยเล็กๆ น้อยๆ คงต้องรีบปรึกษาแพทย์ อย่ารีรอให้โรคลุกลามไปสู่อาการหนัก แต่สำคัญที่สุด คือ การป้องกันก่อนเกิด เพราะนอกจากเสียสุขภาพใจแล้ว ยังต้องมาเสียสุขภาพจิตตอนจ่ายเงินค่ารักษาอีก.

กินต้องเลือกเพื่อ เหงือกและฟัน


อาหารทุกชนิดที่เราทานจะผ่านทางปาก คราบอาหารที่หลงเหลือจากการบดเคี้ยว จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดทำลายฟันโดยแบคทีเรีย...
การเลือกรับประทานอาหารให้ครบทุกหมู่เหล่า มีผลต่อการเสริมสุขภาพให้แข็งแรง ในมุมกลับกัน การกินไม่เลือก ก็มีผลเสียต่อสุขภาพ การได้สารอาหารครบมีความจำเป็นต่อสุขภาพฟันและเหงือก เราพบว่าถ้าขาดอาหารโรคเหงือกอักเสบจะลุกลามเร็วมาก แรงต้านทานต่อการอักเสบจะลดน้อยลง สารอาหารที่เพียงพอจะมีผลดีต่อการเจริญเติบโตของฟันในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับอาหารครบทุกหมู่เหล่าที่มีผลต่อการสร้างฟัน โดยเฉพาะธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และ ฟลูออไรด์ โปรตีน วิตามิน ต่างๆ จริงๆ แล้วฟันของเด็กเริ่มเกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 6 สัปดาห์ อาหารที่คุณแม่ทานย่อมมีผลต่อฟันลูกอย่างแน่นอน อาหารทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบอาหารทุกชนิดที่เราทานจะผ่านทางปาก โดยมีการบดเคี้ยวสัมผัสกับเหงือกเป็นด่านแรก คราบอาหารที่หลงเหลือจากการบดเคี้ยว จะถูกเปลี่ยนเป็นกรดทำลายฟันโดยแบคทีเรีย
อาหารที่ช่วยส่งเสริมทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ น้ำตาล ที่ใช้ในการปรุงอาหาร ขนม น้ำตาลในผลไม้ น้ำตาลที่อยู่ในนม น้ำตาลที่ผสมในอาหารสำเร็จรูป เครื่องปรุงต่างๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำสลัด น้ำผึ้งที่ผสมในขนม น้ำตาลเหล่านี้มีส่วนที่ทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องหยุดรับประทานทั้งหมด เพราะร่างกายยังต้องการสารอาหาร ที่มีในนม ผลไม้ ผัก แป้ง เป็นอาหารที่ทำให้เกิดพลังงาน (มีอยู่ใน ข้าว ขนมปัง ขนม ฯลฯ) ในมุมกลับกันก็ทำให้เกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่ายเช่นกัน กินต้องเลือก เพื่อให้สุขภาพฟันดีเราต้องปรับวิธีการกิน และรูปแบบการกินเสียใหม่ ผมขอแนะนำว่า ลดการทานอาหารระหว่างมื้อ ยิ่งกินบ่อย เพิ่มความถี่ในการกิน จำนวนกรดที่เกิดจากแบคทีเรีย ก็มีโอกาสสัมผัสกับผิวฟันมากขึ้น ฟันผุ เหงือกอักเสบง่ายขึ้น ตัวอย่างง่ายๆ ในเด็กที่หลับคาขวดนม มักจะมีฟันผุทั้งปากก่อนฟันแท้ขึ้น หรือคนที่ทานอาหารว่างอยู่เรื่อย จะมีฟันผุและเหงือกอักเสบมากกว่าคนที่ทานอาหารตามมื้อลดทานอาหารหวานเหนียวๆ ติดฟันง่าย เช่น ท้อฟฟี่ น้ำเชื่อมที่มากับขนม น้ำอัดลม อาหารพวกแป้งที่แปรรูป เช่น ขนมปังกรอบ อาหารหวานสำเร็จรูปบางอย่าง เราควรดูฉลากเพื่อตรวจปริมาณน้ำตาล คงต้องเลือกและลดเสีย ไม่ควรทานบ่อยๆ เลือกทานผลไม้เป็นอาหารว่างแทนขนม สุขภาพฟันดี อย่าลืม กินต้องเลือก และแปรงฟันหลังอาหารทุกมื้อ ใช้ยาสีฟันที่มีฟูลออไรด์ ป้องกันฟันผุ ใช้ไหมขัดฟัน ทำความสะอาดตามซอกฟัน พบทันตแพทย์ ปี 2 ครั้ง ถ้าคุณระวังเรื่องอาหารสักหน่อยและทำความสำอาดทุกครั้งหลงรับประทานเป็นประจำ เชื่อแน่ว่าคุณจะมีสุขภาพฟันและเหงือกดีตลอดไป

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ที่สุดของประเทศในโลก

ประเทศ (Country) ที่มีเนื้อที่มากที่สุดในโลก
คือ ประเทศรัสเซีย (Russia) ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 17,075,400 ตารางกิโลเมตร (6,592,800 ตารางไมล์) คิดเป็นเนื้อที่ 11.5% ของเนื้อที่ทั้งหมดในโลก
ประเทศอิสระ (Independent country) ที่มีเนื้อที่น้อยที่สุดในโลก
คือ นครรัฐวาติกัน (the State of the Vatican City) หรือ Holy See ซึ่งเป็นดินแดนที่มีประเทศอิตาลีล้อมรอบอยู่ มีพระสันตปาปาเป็นประมุข มีเนื้อที่ทั้งหมดเพียง 108.7 เอเคอร์
ประเทศสาธารณรัฐ (Republic country) ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
คือ สาธารณรัฐนาอูรู (Nauru) แถบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งมีเนื้อที่ประเทศทั้งหมด 5,261 เอเคอร์
ประเทศในอาณานิคม (Colony) ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก
คือ ประเทศ Gibraltar ซึ่งเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษในคาบสมุทรไอบีเรีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศสเปน ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมด 5.8 ตารางกิโลเมตร (2 1/4 ตารางไมล์)
ประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศอื่นๆ มากที่สุดในโลก
คือ ประเทศจีน ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านถึง 15 ประเทศคือ Mongolia, Russia, North Korea, Macau, Vietnam, Laos, Myanmar, India, Bhutan, Nepal, Pakistan, Afghanistan, Tajikistan, Kyrgyzstan และ Kazakhstan
ประเทศที่มีพรมแดนติดต่อระหว่างกันยาวที่สุดในโลก
คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกันยาว 6,416 กิโลเมตร (3,987 ไมล์)
ประเทศที่มีพรมแดนทางทะเลติดต่อระหว่างกันยาวที่สุดในโลก
คือ ประเทศแคนาดา และเกาะกรีนแลนด์ ซึ่งมีพรมแดนติดต่อกันยาว 2,697 กิโลเมตร (1,676 ไมล์)
ประเทศที่มีพรมแดนติดต่อระหว่างกันสั้นที่สุดในโลก
คือ ประเทศอิตาลี กับ นครรัฐวาติกัน มีพรมแดนติดต่อระหว่างกันยาวเพียง 4.07 กิโลเมตร (2 ไมล์ 933 หลา)
ประเทศที่มีจำนวนประชากร (Population) มากที่สุดในโลก
คือ ประเทศจีน จากสถิติกลางปี ค.ศ. 1996 จีนมีประชากรทั้งหมด 1.22 ล้านล้านคน โดยมีอัตราการเกิดเพิ่มขึ้นกว่า 12.1 ล้านคนต่อปี
ประเทศอิสระที่มีจำนวนประชากรน้อยที่สุดในโลก
คือ นครรัฐวาติกัน จากสถิติเมื่อปี ค.ศ. 1996 มีประชากรไม่ถึง 1,000 คน
ดินแดนที่มีเจ้าผู้ครองนคร (Principality) ที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุดในโลก
คือ นครโมนาโค (Monaco) ดินแดนทางชายฝั่งตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส ในเนื้อที่ประเทศเพียง 1.95 ตารางกิโลเมตร (0.75 ตารางไมล์) มีประชากรหนาแน่นถึง 30,500 คน (สถิติปี ค.ศ. 1996)
ประเทศที่มีอัตราการเกิด (Birth rate) สูงที่สุดในโลก
จากการสำรวจเมื่อปี ค.ศ. 1995 ประเทศที่มีอัตราการเกิดสูงที่สุด คือ ไนเจอร์ (Niger) มีอัตราการเกิด 55.2% ต่อประชากร 1,000 คน
ประเทศที่ประกอบการอุตสาหกรรม (Industrial country) มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) คิดเป็น 53% ของรายได้ของประชากรมาจากการประกอบอุตสาหกรรม
ประเทศที่ประกอบการกสิกรรม (Rural country) มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศโซมาเลีย (Somalia) คิดเป็น 65% ของรายได้ประชากรมาจากการเพาะปลูก
ประเทศที่มีแหล่งก๊าซธรรมชาติมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศรัฐเซีย คิดเป็นร้อยละ 41 ของ แหล่งก๊าซทั่วโลก
ประเทศที่ผลิต และมีปริมาณสำรองน้ำมันปิโตรเลียมมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศซาอุดิอาระเบีย คิดเป็นร้อยละ 1 ใน 4 ของปริมาณน้ำมันของโลก สามารถผลิตได้ 7.867 ล้านบาร์เรล ต่อวัน
ประเทศที่มีภาษาพูดมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอินเดีย มีภาษาพูดมากกว่า 200 ภาษา
ประเทศที่มีทางรถไฟรวมกันแล้วยาวที่สุดในโลก
ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีทางรถไฟรวมกันแล้วยาวกว่า 350,000 ไมล์
ประเทศที่มีรถไฟใต้ดิน รวมกันแล้วยาวที่สุดในโลก
ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ทางรถไฟใต้ดินรวมกันแล้วยาว 462 ไมล์
ประเทศที่มีทางด่วนมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประมาณร้อยละ 65 ของความยาวของทางด่วนทั่วโลก
ประเทศที่มีแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ 7,000 ครั้งต่อปี
ประเทศที่มีเกาะมากที่สุดในโลก
คือ ประเทศฟิลิปปินส์ มีมากกว่า 7,100 เกาะ
ประเทศที่มีทะเลสาบมากที่สุดในโลก
คือ ประเทศฟินแลนด์ มีมากกว่า 60,000 แห่ง
ประเทศที่มีลำธารมากที่สุดในโลก
คือ ประเทศมาเลเซีย
ประเทศที่มีคลองมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอิตาลี
ประเทศที่มีฟยอร์ด (Fiord) มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศนอร์เวย์
ประเทศที่มีภูเขาไฟมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย
ประเทศที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลมากที่สุดในโลก
คือ ประเทศธิเบต สูงกว่าระดับน้ำทะเล 12,087 ฟุต
ประเทศที่ผลิตเหล้าไวน์ (Wine) ได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอิตาลี คิดเป็นร้อยละ 20.6 ของผลผลิตโลก
ประเทศที่ผลิตเหล้าองุ่นได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส
ประเทศที่มีทองคำมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอัฟริกาใต้ คิดเป็นร้อยละ 35 ของการผลิตทองคำของโลก มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองโยฮันเนสเบิร์ก
ประเทศที่ผลิตแร่เงินได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศเม็กซิโก คิดเป็นร้อยละ 15.7 ของผลผลิตโลก
ประเทศที่มีแร่ดีบุกมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 15.7 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่มีผลผลิตยางพาราดิบมากที่สุดในโลก
คือ ประเทศมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 28.7 ของผลผลิตโลก
ประเทศที่ผลิตถ่านหินลิกไนต์มากที่สุดในโลก
คือประเทศเยอรมนี คิดเป็นร้อยละ 30.4 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่ผลิตปูนซีเมนต์ได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศจีน คิดเป็นร้อยละ 17.8 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่มีหินอ่อนคุณภาพดีที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอิตาลี
ประเทศที่ผลิตแร่เหล็กได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศรัสเซีย คิดเป็นร้อยละ 14.8 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่ปลูกชามากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 29 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่ปลูกกาแฟมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศบราซิล คิดเป็นร้อยละ 23.8 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่ผลิตกระดาษได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศแคนาดา ปีหนึ่งผลิตได้มากกว่า 4 ล้านตัน
ประเทศที่ผลิตยาสูบได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศจีน คิดเป็นร้อยละ 38.6 ของผลผลิตโลก
ประเทศที่ผลิตรถยนต์ได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น เป็นอันดับหนึ่งของโลก คิดเป็นร้อยละ 36.2 ของปริมาณการผลิตในโลก
ประเทศที่มีผลผลิตจากอุตสาหกรรมยางรถยนต์ได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศสหรัฐอเมริกา เฉลี่ยปีละประมาณ 210,000 ตัน
ประเทศผลิตข้าวสาลีได้มากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศรัสเซีย คิดเป็นร้อยละ 18.1 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่มีผลผลิตจากเมล็ดฝ้ายมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศจีน คิดเป็นร้อยละ 24 ของผลผลิตโลก
ประเทศที่ขุดน้ำมันดิบขายเป็นสินค้าออกมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศซาอุดิอารเบีย
ประเทศที่มีผลผลิตจากน้ำมันปาล์มมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 55 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่มีผลผลิตน้ำตาลมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศอินเดีย คิดเป็นร้อยละ 9.7 ของผลผลิตในโลก
ประเทศที่มีผลผลิตผ้าไหมมากที่สุดในโลก
ได้แก่ ประเทศจีน คิดเป็นร้อยละ 57.1 ของผลผลิตในโลก

วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เมื่อไรจึงจะเรียกว่าอ้วน

เมื่อไรจึงจะเรียกว่าอ้วน ต้องมีน้ำหนักตัวเท่าไร ต้องมีไขมันแค่ไหน พุงต้องโตแค่ไหน ถ้าเริ่มจากศูนย์ วิธีที่ดีที่สุดคือ ดูพุงตัวเอง! ถ้ามีพุงก็ถือได้แล้วว่าอ้วน!
เรื่อง: รศ.นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
ยกตัวอย่างเช่นผม ผมหนัก 80 กิโลกรัม (แต่ในเดือนนี้ต้องเดินทางบ่อย ไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ อังกฤษ ฟินแลนด์ แคนาดา กินไม่หยุด ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย น้ำหนักเลยปาเข้าไป 83 กิโลกรัม! ที่กินไม่หยุดเพราะไม่แน่ใจว่ามื้อต่อไปจะมีให้กิน หรือกินได้หรือไม่!) ผมอ้วนแล้วหรือยัง เราคงไม่ได้ดูน้ำหนักตัวอย่างเดียว โดยสากลนิยมเราต้องดูส่วนสูงของเราด้วย ผมสูง 178 เซนติเมตร ผู้เชี่ยวชาญของโลกคิดวิธีคำนวณว่าอ้วนหรือไม่ด้วยการหาดัชนีมวลกายหรือ body mass index หรือ BMI คือ น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง BMI ของผมคือ 80 หาร 1.782 ซึ่งออกมาเป็น 25.25 องค์การอนามัยโลกให้ค่าปกติอยู่ระหว่าง 18.5-24.9 แต่เนื่องจากคนเอเชียมีโครงสร้างผอมบาง เล็ก องค์การอนามัยโลกจึงให้ชาวเอเชียมี BMI ไม่เกิน 23 จากนี้จะเห็นได้ว่า BMI ของผมสูงไปไม่ว่าจะคิดสำหรับชาวเอเชีย หรือชาวฝรั่ง!
แต่ดู BMI อย่างเดียวไม่ได้เสมอไป บางคนมี BMI สูง แต่เป็นกล้ามเนื้อทั้งนั้น ไขมันไม่มีเลย ฉะนั้นการดู BMI จึงเป็นการดูแบบคร่าวๆ ต้องดูส่วนประกอบอื่นด้วย เช่น ดูพุงตัวเอง ปกติแล้วคนเราต้องมีพุงที่เล็กกว่าสะโพก ใครมีพุงใหญ่กว่าสะโพกก็ถือว่าอ้วนมากแล้ว โดยทั่วไปไม่น่าที่จะมีพุงใหญ่กว่า 36 นิ้ว
โดยสรุปถ้าไม่มีที่ชั่งน้ำหนัก ไม่มีที่วัดส่วนสูง ดูพุงตัวเองก็พอแล้ว ถ้าพุงใหญ่เกินไปก็ถือว่าอ้วนมากแล้ว! ถึงแม้ว่าที่แขน ขา สะโพกอาจไม่อ้วน ทั้งนี้ความอ้วนหรือไขมันที่พุงจะมีความหมายเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บมากกว่าไขมันที่อื่น เช่น ถ้าอ้วนที่พุงจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน และโรคเบาหวาน (ชนิดที่ 2)
แต่ประเด็นคือ ต้องยอมรับตัวเองว่าพุงใหญ่หรือไม่? ถ้าอ้วนหรือมี BMI สูงเกินไป จะมีความหมายอย่างไร? ปัจจุบันนี้เป็นที่ยอมรับแล้วว่าถ้าอ้วนเกินไปจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ มากมาย ตั้งแต่โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคกระดูกเสื่อม โรคกรนและหยุดหายใจซึ่งจะมีภาวะแทรกซ้อนมากมายตามมา แม้แต่โรคมะเร็งโดยเฉพาะโรคมะเร็งเต้านมและลำไส้ใหญ่ และยังมีโรคอื่นๆ อีกมากมาย
ทำไมจึงอ้วน? คำตอบที่ง่ายคือ ผู้ที่อ้วนรับประทานอาหารมากกว่าที่จำเป็น มากกว่าที่ร่างกายจะใช้ อาจจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน อันนี้หมายความว่า ในขณะนี้รับประทานไม่มากกว่าที่ร่างกายใช้ แต่ยังอ้วนอยู่เพราะในอดีตรับประทานมากไป
ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ มนุษย์ต้องการพลังงานเพื่อความอยู่รอด ถึงแม้เราจะนอนหลับหรือนั่งเฉยๆ ร่างกายก็ต้องใช้พลังงานในการดำรงชีวิตอยู่ หรือที่เรียกว่า basic metabolism เพื่อการหายใจ เพื่อให้หัวใจเต้น การใช้พลังงานประการที่ 2 คือการเคลื่อนไหวประจำวัน ฯลฯ และประการที่ 3 คือการออกกำลังกาย โดยสรุปพอพูดได้ว่าผู้ที่อ้วน คือผู้ที่ได้รับพลังงานเข้าไปในร่างกายมากกว่าที่ร่างกายจะใช้ อาหารที่ให้พลังงานมาจาก 3 แหล่งคือ ไขมัน แป้ง และโปรตีน เท่านั้นคือ 9, 4 และ 4 กิโลแคลอรีต่อหนึ่งกรัมตามลำดับ ส่วนวิตามิน เกลือแร่ และน้ำมีความสำคัญต่อชีวิตเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่มีแคลอรีหรือให้พลังงานเลย
ถ้าจะลดน้ำหนักจะต้องคุมอาหารและออกกำลังกาย จะต้องรับประทานน้อยกว่าที่ใช้ การคุมอาหารอย่างเดียวหรือออกกำลังกายอย่างเดียวจะได้ผลยาก โดยเฉพาะถ้าออกกำลังกายอย่างเดียวถึงแม้จะออกกำลังกายมาก แต่ถ้ารับประทานมากกว่าที่ใช้ก็จะยังลดน้ำหนักไม่ได้อยู่ดี ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะไม่รับประทานอาหารเลย เพราะจะทำให้ร่างกายสูญเสียไขมันและกล้ามเนื้อ แต่ถ้าคุมอาหารอย่างเดียวโดยไม่ออกกำลังกายจะลดน้ำหนักได้ช้าและน้ำหนักที่ลดอาจเป็นกล้ามเนื้อ หลักการของการลดน้ำหนักคือต้องลดไขมันไม่ใช่กล้ามเนื้อ!
ในปัจจุบันโรคอ้วนเป็นโรคที่พบได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ฉะนั้นจึงเกิดธุรกิจขึ้นมากมายสำหรับการลดน้ำหนัก ผมเองมีความเห็นว่าถ้าใครที่อยากลดน้ำหนัก หากมีความรู้และมีวินัย ใจเย็นๆ ค่อยๆ ลดไป ก็จะประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองเข้าคอร์สลดน้ำหนักที่ไหน บางแห่งคิดเงินแพงมากเพื่อให้ไปอดอาหารเท่านั้น
วิธีคุมอาหารเพื่อการลดน้ำหนักที่ดี คือ
การรับประทานหนักไปทางพืชผักผลไม้ที่เขียวและแข็ง ปลา (ยกเว้นไข่ปลา) ไก่ที่ไม่มีหนัง และรับประทานข้าวได้บ้าง ถ้าหิวให้รับประทานผักมากๆ ข้าวให้น้อยที่สุด พยายามหลีกเลี่ยงมันสัตว์ เครื่องใน ไข่แดง กะทิ น้ำตาล น้ำหวาน ของหวาน
ควรมีเทคนิคในการรับประทาน เช่น ควรทราบว่ากว่าร่างกายจะรู้ว่าอิ่มจะต้องใช้เวลา 20 นาที ฉะนั้นค่อยๆ รับประทาน อาจเริ่มด้วยการรับประทานซุปผัก ตามด้วยสลัด ปลา และข้าวบ้าง ถ้าหิวให้รับประทานผักมากๆ ค่อยๆ เคี้ยว พูดไปคุยไปด้วยจะได้รับประทานได้ไม่มากใน 20 นาที
นอกจากนั้นควรแบ่งอาหารที่รับประทานทั้งวันออกเป็น 3 มื้อ แทนที่จะรับประทาน 1-2 มื้อต่อวัน เพราะในการรับประทานอาหารแต่ละครั้งจะต้องใช้พลังงาน แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าปริมาณพลังงานที่รับประทานต่อวันต้องเท่ากัน แต่แบ่งออกเป็น 3-4 มื้อแทนที่จะรับประทาน 1-2 ครั้งต่อวันเท่านั้น
สำหรับการออกกำลังกาย ควรเป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ซึ่งก็คือการใช้กล้ามเนื้อกลุ่มใหญ่ เช่น แขน หรือขา อย่างต่อเนื่องและนานพอ คืออย่างน้อย 20 นาที หนักพอ คือ ต้องออกกำลังกายให้หัวใจเต้นประมาณ 70% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ หรือ maximal heart rate, MRI คือ 220 - อายุ (ปี) แต่ในทางปฏิบัติไม่ต้องไปวัดชีพจรเพราะวัดได้ยาก แต่ควรออกกำลังกายให้เหนื่อยหอบเล็กน้อย แต่ยังพอพูดได้ และควรออกกำลังกายอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าดูจากหลักการของการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ว่านานพอ หนักพอ ก็คงคิดเองได้ว่าชนิดของการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ คือ การเดินเร็ว วิ่ง ว่ายน้ำ ถีบจักรยาน กระโดดเชือก หรือเต้นแอโรบิค แต่จริงๆ แล้วเป็นการออกกำลังกายอะไรก็ได้ที่ทำได้นานพอ หนักพอ บ่อยครั้งพอ!
การออกกำลังกายที่สะดวกที่สุด ง่ายที่สุด ใครจะทำก็ได้ คือการเดิน ผู้ที่อ้วน สูงอายุ หรือเข่า ข้อเท้าไม่ดี วิธีออกกำลังกายอันดับแรกก็คือว่ายน้ำ สองคือการถีบจักรยาน เมื่อน้ำหนักลดลงพอแล้วจึงอาจวิ่งได้
ถ้าจะให้ดีที่สุดคือเปลี่ยนวิธีการออกกำลังกายไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ เช่น ว่ายน้ำ1 วัน วิ่ง 1 วัน จักรยาน 1 วัน แต่การว่ายน้ำและถีบจักรยานไม่ช่วยให้ร่างกายสร้างกระดูก ฉะนั้นถ้าเป็นไปได้ควรเดินหรือวิ่งบ้าง โดยเฉพาะสุภาพสตรี เนื่องจากสุภาพสตรีจะมีมวลกระดูกน้อยกว่าผู้ชาย ถ้ากระดูกมีน้อยไปจะทำให้เป็นโรคกระดูกบาง พรุน และอาจทำให้หักได้ง่าย
สำหรับคนที่คิดว่าตัวเองควรลดน้ำหนัก อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักควรลดเพียงครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์เท่านั้น วิธีดีที่สุดคือ ดูแลตนเองไม่ให้อ้วน ดีกว่าอ้วนแล้วจึงพยายามลดน้ำหนักครับ!

บำรุงเลือดลม ช่วยย่อยอาหาร

เมนูสุขภาพวันนี้ ยกให้ แครอท แอปเปิลเขียว และขิง เป็นพระเอก
เมนูสุขภาพวันนี้ กินดี ยกให้ แครอท แอปเปิลเขียว และขิง เป็นพระเอก เพราะงานนี้เจ้าส่วนผสมทั้งสามจะรวมตัวกันสกัดออกมาเป็นเครื่องดื่มที่ดีต่อระบบเลือดลมและการย่อยอาหาร เริ่มกันที่ แครอท ผัก สีเหลืองส้มเป็นแหล่งใหญ่ของเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ดีต่อผิวพรรณ สายตา ปอดและม้าม รวมทั้งมีสรรพคุณในการทำความสะอาดตับจากน้ำดีและสารพิษที่สะสมตัวจนกลายเป็น ของเหลวเหนียว ซึ่งเป็นผลมาจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนด้วยสารเคมี นอกจากนี้ แครอท ยังอุดมไปด้วยเกลือแร่ซัลเฟอร์และคลอรีน ที่จำเป็นต่อการทำความสะอาดเนื้อเยื่อและยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่ เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษอีกด้วย แอปเปิล เต็มเปี่ยมไปด้วยโพแทสเซียม กำมะถัน เหล็ก แมกนีเซียม วิตามินบี 1 บี2 และบี 6 ซึ่งมีสรรพคุณในการช่วยลดความตึงเครียด ช่วยล้างสารพิษที่สะสมอยู่ในตับและไต มีกรดมาลิก กรดแทนนิก และเส้นใยเพ็กติน ช่วยทำความสะอาดลำไส้เล็ก และชะล้างกระเพาะอาหาร ปิดท้ายกันที่ส่วนผสมสุดท้าย ขิง สาร อาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกาย อาทิ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม และวิตามินเอ สารเหล่านี้มีฤทธิ์อุ่น ช่วยขับเหงื่อ ไล่ความเย็น ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ช่วยให้เจริญอาหารและทำให้ร่างกายอบอุ่น ส่วนผสมเมนูสุขภาพแครอท 1 ถ้วย แอปเปิลเขียว 2 ถ้วย ขิง 1 แง่งเล็ก น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย วิธีทำนำส่วนผสมทั้งหมดมาทำความสะอาดให้เรียบร้อย ใช้แปรงขัดแง่งขิงให้สะอาด ผึ่งลมให้แห้ง ทุบพอแตก นำแครอทมาขูดเป็นเส้นเล็ก ๆ และแอปเปิลเขียวหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่น ขอให้อร่อยกับเมนูสุขภาพค่ะ

ประโยชน์ของกระเทียม

ทราบหรือไม่ว่า กระเทียมที่กินอยู่เป็นประจำมีประโยชน์อะไรบ้าง วันนี้เรามีเรื่องนี้มาฝาก
...
กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาโรคได้หลายชนิด
กินกระเทียมเป็นประจำ จะทำให้ผิวหนังสะอาด เพราะกระเทียมจะไปทำความสะอาดเลือด ช่วยให้ผิวหนังดีขึ้น รักษาผิวหนังที่เป็นตุ่มแผล ผิวหนังด่างดำ สิวและฝี
กระเทียมช่วยลดความดันโลหิตสูง เพราะกระเทียมจะไปขยายเส้นเลือดให้กว้างขึ้น
ป้องกันผนังหลอดเลือดหนาและแข็งตัว เพราะกระเทียมจะไปยับยั้งการสร้างสารกรอมโปเซนบี 2 ซึ่งสารนี้เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้เลือดจับตัวเป็นก้อน และเป็นสาเหตุทำให้ความดันโลหิตสูง
รู้อย่างนี้แล้ว หันมากินกระเทียมกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี.

กินให้ไม่อ้วน ได้ไม่ยาก !

เพื่อควบคุมน้ำหนักให้ได้ผลเราไม่แนะนำให้คุณงดมื้ออาหาร แต่ขอแนะนำให้คุณลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารดู
ธิติมา ปฏิพิมพาคม
การได้กินของอร่อยๆ เป็นเรื่องสำคัญมากของชีวิต ได้ลิ้มรสอาหารถูกปาก ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ถึงแพงเท่าไหร่ ถ้าอร่อยซะอย่าง ราคาไม่เกี่ยง การหาความสุขด้วยการกินแบบนี้เชื่อว่าคงมีหลายคนเป็นเหมือนกันและปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นความสุขชั้นเยี่ยมของชีวิตเลยทีเดียว ดังนั้นใครก็ตามที่ตามใจปากโดยมิอาจยับยั้งชั่งใจ ก็ไม่ต้องเสียใจภายหลังหากเป็นโรคอ้วน ครั้นจะกลับมาลดน้ำหนักลงก็คงลำบากเพราะความเชยชินกับการกินเท่าไรเท่ากัน อาจจะไม่คุ้นเคยในเบื้องต้น แต่ถ้าพยายามชั่งใจทุกครั้งที่กินไม่นานคุณก็จะชิน และกลายเป็นนิสัยการกินที่ดีอย่างถาวร ตราบนั้นคุณก็สบายใจได้เรื่องน้ำหนักตัว ตามปกติทั่วไปใน 1 วันคนเราวัยต่างๆ มีความต้องการชนิดและปริมาณของอาหาร ดังนี้คือ 1,600 กิโลแคลอรี สำหรับเด็กอายุ 6 - 13 ปี หญิงวัยทำงานอายุ 25 - 60 ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 2,000 กิโลแคลอรี สำหรับวัยรุ่นหญิง - ชาย อายุ 14 - 25 ปี วัยทำงานอายุ 25 - 60 ปี 2,400 กิโลแคลอรี สำหรับหญิง - ชาย ที่ใช้พลังงานมากๆ เช่น เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา
เทียบออกมาเป็นประเภทอาหารให้เห็นได้ชัดขึ้นตามตารางนี้
หมายเหตุ เลขใน() คือปริมาณแนะนำสำหรับผู้ใหญ่ การควบคุมน้ำหนักให้ได้ดี คือในแต่ละวันต้องควบคุมปริมาณการกินอาหารที่ให้พลังงานสูงแล้วเลือกกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำๆ แทน เพื่อไม่ให้ร่างกายได้พลังงานเกินความต้องการ เพราะพลังงานส่วนเกินนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมไว้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คุณลองมาเลือกลดอาหารประเภทต่างๆ ตามนี้ดู... ข้าว ข้าว 1 จานให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี (ประมาณ 2 ทัพพีครึ่ง) ถ้าลดข้าวมื้อละ 1 ทัพพีใน 1 วัน จะลดพลังงานได้ถึง 300 กิโลแคลอรี เนื้อสัตว์ เลือกกินปลา เป็ด ไก่ ไม่ติดหนัง ดีกว่าเลือกหมูเนื้อล้วน เพราะเนื้อหมูมีไขมันแทรกแต่มองไม่เห็น ผลไม้ เลือกกินผลไม้ที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แตงโม มะม่วงดิบ พุทรา แคนตาลูป ดีกว่าผลไม้ที่หวานจัดให้พลังงานสูง เช่น ทุเรียน ขนุน ลำไย ลิ้นจี่ ผัก ควรเลือกกินให้มากเพราะให้พลังงานน้อย แต่ได้คุณค่าสารอาหารมาก มีเส้นใยอาหารมาก ผักบางชนิดทำให้อิ่มนาน การกินผักเยอะๆ ช่วยเพิ่มปริมาณอาหารให้ดูมาก แต่พลังงานนิดเดียว เหมาะมากสำหรับผู้คุมน้ำหนัก น้ำมัน / กะทิ น้ำมันเพียง 1 ช้อนชา ให้พลังงานสูงถึง 45 กิโลแคลอรี ถ้าประกอบอาหารประเภทต้ม นึ่ง ย่าง อบ ตุ๋น ยำ จะช่วยลดพลังงานจากการใช้น้ำมันปรุงได้มากทีเดียว อาหารทอดใช้น้ำมันอย่างน้อย 2 ช้อนโต๊ะ นั่นเกือบ 300 กิโลแคลอรี กะทิ 1 ถ้วยแกง จะมีหัวกะทิ 1 ช้อนโต๊ะ พลังงานเท่ากับไขมัน 2 ช้อนชา ถ้าเลือกกินแกงส้ม ต้มยำ แทนแกงกะทิ ก็ลดพลังงานได้กว่า 100 กิโลแคลอรี น้ำตาล ขนมหวาน 1 ถ้วย หรือ 1 ชิ้น จะให้พลังงานได้ 120 กิโลแคลอรี แต่ถ้าเทียบกับผลไม้ ขนมหวานจะให้พลังงานเป็น 3-4 เท่า ยิ่งถ้ามีส่วนผสมของกะทิอยู่ด้วยก็บวกพลังงานเพิ่มเข้าไปอีก เลือกกินผลไม้แทนดีกว่า เครื่องดื่ม น้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่เรียกน้ำหนักได้โดยไม่รู้ตัว เพราะ 1 แก้วให้พลังงาน 20-60 กิโลแคลอรี อาหารระหว่างมื้อ จริงๆ ไม่ควรกินบ่อยๆ เพราะลำพังอาหารมื้อหลักก็พอเพียง อาหารระหว่างมื้อ ส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของแป้ง น้ำตาล ไขมัน เนย เช่น คุ้กกี้ ถ้ารวมเครื่องดื่มด้วยก็จะได้พลังงานไม่น้อยกว่า 200 กิโลแคลอรี ถ้าอดไม่ได้ให้เลือกผลไม้ชนิดที่ไม่หวานแทน จะได้พลังงานต่ำลง เพิ่มวิตามินและเกลือแร่ด้วย จากข้อแนะนำในการเลือกชนิดอาหารแล้ว ครานี้คุณต้องลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยการกินอาหารดูบ้าง เทคนิคในการควบคุมพฤติกรรมการกินอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก กินอาหารในที่ที่จัดเป็นกิจจะลักษณะเท่านั้น เช่น ในห้องอาหาร ที่โต๊ะอาหาร ไม่เดินกิน หรือซื้อของกินตามทาง ไม่หาของกินมาไว้ที่โต๊ะทำงาน ไม่กินขณะดูโทรทัศน์ ขณะอ่านหนังสือ หรือฟังเพลง ฯลฯ กินอาหารให้ตรงเวลาและเป็นมื้อ ไม่กินจุบจิบ ไม่กินขนมขบเคี้ยว เลือกภาชนะใส่อาหารที่มีขนาดเล็กลง เวลาตักข้าวอย่าให้เป็นก้อน ควรซุยข้าวให้ร่วนก่อนตัก และอย่าตักอัดแน่น หรือพูนเกินไป ก่อนกินอาหารให้ดื่มน้ำเย็น (ไม่ใช่น้ำอุ่น) ก่อนอาหาร 10 นาที ประมาณ 2 แก้ว เคี้ยวอาหารช้าๆ และเคี้ยวให้ละเอียดทุกครั้งก่อนกลืน เมื่อกินอาหารเสร็จให้ลุกจากโต๊ะอาหารทันที หรือเก็บอาหารที่เหลือเข้าที่ทันที ไม่สำรองอาหารไว้ในที่เห็นได้ง่าย เช่น ไม่เก็บอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูปไว้ในห้องทำงาน หรือไม่วางขนมไว้บนโต๊ะหน้าโทรทัศน์ เพื่อป้องกันการเผลอใจ ห้ามงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะจะทำให้ความหิวทวีคูณขึ้น และจะทำให้กินเพิ่มเป็นสองเท่า ถ้าหิวให้ดื่มน้ำสมุนไพรที่ไม่หวานช่วย ไม่ควรกินอาหารก่อนนอน เพราะเมื่อไม่ได้ใช้พลังงานจะทำให้สะสมเป็นส่วนเกิน งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถ้างดไม่ได้ให้ลดลงมาครึ่งหนึ่งก่อน ถ้าสำเร็จแล้วค่อยลดลงอีกครึ่งหนึ่ง ทีนี้จะลดหรือเลิกดื่มต้องอยู่ที่ใจ ถ้าต้องการลดน้ำหนักเพื่อลดหุ่น ให้ซื้อชุดสวยที่อยากใส่มาแขวนไว้เป็นแรงบันดาลใจ อาจได้ผลบ้าง เทคนิคเหล่านี้เป็นเรื่องไม่ยากที่คุณอาจจะมองข้ามไปในชีวิตประจำวัน เพียงเพิ่มความระวังและคิดก่อนเลือกกินอาหารสักหน่อยก็จะช่วยให้คุณคุมน้ำหนักได้ดีขึ้น ที่สำคัญคุณไม่ต้องอดอาหารทรมานตัวเอง แต่ยังได้อิ่มสบายท้องตลอดวันอีกด้วยค่ะ

รักษาหวัดใหญ่ ด้วย Zanamivir

คงไม่ช้าเกินไปที่จะหยิบยกตัวยา Zanamivir ที่ใช้รักษาหวัดใหญ่ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
คงไม่ช้าเกินไปที่ ภาษาหมอ จะหยิบยกตัวยา Zanamivir ที่ใช้รักษาหวัดใหญ่ มาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง! ศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา บันทึกไว้ว่า Zanamivir เป็นยาสำหรับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และ ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ใช้รักษาโรคติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ในเด็กและผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป แต่ใช้ ป้องกันการติดเชื้อ ไข้หวัดใหญ่ในเด็กและผู้ใหญ่ อายุตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป ตัวยา เป็นผงแห้งสำหรับสูดทางปาก ขนาดสำหรับการรักษา คือ 10 mg ใช้สูดเข้าทางปากวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน โดยเริ่มให้ยาภายใน 2 วัน หลังจากอาการปรากฎ ที่สำคัญควรใช้ยาเป็นเวลาเดิมของทุกวัน สำหรับสตรีมีครรภ์ คณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐจัดให้ Zanamivir อยู่ใน Pregnancy Category C ซึ่งบ่งชี้ว่ายังไม่มีการศึกษาทางคลินิกเพื่อประเมินความปลอดภัยของยานี้ในสตรีมีครรภ์ ดังนั้นการใช้ยานี้จึงต้องชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์ที่จะได้รับกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานการเกิดผลข้างเคียงในคนที่ใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์รวมถึงเด็กที่เกิดมา ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการหลอดลมตีบหรือมีปัญหาการหายใจอย่างรุนแรง ดังนั้นจึงไม่แนะนำ Zanamivir สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง เช่น หอบหืด หรือ โรคอุดกั้นทางเดินหายใจเรื้อรัง (COPD) ส่วนผู้ป่วยที่เป็นโรคปอด ควรใช้ยาขยายหลอดลมที่ออกฤทธิ์เร็วชนิดสูดพ่นระหว่างที่ได้รับยา Zanamivir โดยใช้ยาขยายหลอดลมก่อนให้ใช้ Zanamivir ข้อควรระวัง! หากเกิดอาการแพ้ยา ได้แก่ ปาก คอหอย หรือหน้าบวม ให้หยุดใช้ยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552

กว่าจะมาเป็นน้ำยาลบคำผิด

เคยสงสัยไหมคะว่า “น้ำยาลบคำผิด” หรือ “correcting fluid” ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง มาจากที่ไหน และใครเป็นคนคิดค้นขึ้นเป็นคนแรก … วันนี้พี่เหมี่ยวอาสาพาน้องๆ dek-d.com ไปหาคำตอบกันค่ะ
เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า อนงค์นางหนึ่งมีนามว่า นางเบ็ต เนสมิธ เกรแฮม (Bette Nesmith Graham) ทำงานในหน้าที่เลขานุการเวลาที่เธอพิมพ์งานผิด เธอต้องเจอกับปัญหาการพิมพ์ผิดซึ่งเธอใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบทำให้การทำงานทั้งล่าทั้งช้าและไม่เรียบร้อย ต่อมามีเครื่องพิมพ์ดีดไฟฟ้าออกมาใช้ คราวนี้เธอเผชิญปัญหาหนักกว่าเก่า เพราะไม่สามารถใช้ยางลบดินสอลบทำผิดได้อีกต่อไป ต้องพิมพ์ใหม่สถานเดียว
กว่าจะมาเป็น "น้ำยาลบคำผิด"
เมื่อต้องประสบกับปัญหานี้อยู่บ่อยครั้งเธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา ในปี ค.ศ.1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงในขวดน้ำยาทาเล็บ ใช้พู่กันป้ายสีน้ำสีขาวลงบนกระดาษ แค่ก็สามารถลบคำผิดได้และพิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ใช้ง่าย รวดเร็ว และแก้ไขปัญหาได้อย่ามีประสิทธิภาพ
ความนิยมเริ่มเกิดขึ้นเมื่อบรรดาเพื่อนร่วมงานของเธอเห็นเช่นนั้น ก็ขอน้ำยาลบหมึกของเธอมาใช้กันบ้าง และนี้ก็คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด correcting fluid
ต่อมาเมื่อมีความต้องการน้ำยาป้ายคำผิดมากๆ นางเกรแฮมจึงพัฒนาสีน้ำสีขาวและทำการผลิตที่บ้านออกจำหน่าย ด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่น กรอกใส่ขวดยาทาเล็บ เป็นอุสาหกรรมครอบครัวยาวนานถึง 17 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1979 เธอได้ขายกิจการให้บริษัทยิลเล็ต (Gillette) ในราคาที่สูงถึง 47.5 ล้านดอลลาร์ โดยสามารถผลิตน้ำยาลบคำผิดได้ถึง 25 ล้านขวด ออกจำหน่ายไปทั่วโลก
จากปัญหาเล็กๆ ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ที่ก่อให้เกิดประโยชน์มาจนถึงทุกวันนี้ ช่างเป็นไอเดียที่น่าชื่นชมจริงๆ เลยนะคะ ขอยกนิ้วให้เลย!!!

เสื้อเปื้อนทำไงดี

1. สีถ้าเสื้อผ้าคุณบังเอิญถูกสีกระเด็นใส่คุณสามารถขจัดคราบได้โดยการใช้น้ำมันสนเช็ดบริเวณที่เปื้อนสีทิ้งไว้สักพัก แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสบู่ หรือใช้แอมโมเนียผสมน้ำจากนั้นเอาผ้าที่เปื้อนสีแช่ไว้ครึ่งชั่วโมงแล้วนำไปซักด้วยผงซักฟอกธรรมดา รอยเลอะของสีจะหลุดออกจากเสื้อผ้าของคุณ
2.ไวน์แดงการเลอะแบบนี้ เป็นการบ่งบอกความมีรสนิยมที่ดีในการดื่มเมื่อไวน์แดงในการสุดหรูเกิดหกใส่ชุดตัวเก่งของคุณวิธีง่ายๆในการกำจัดคราบคือ ให้คุณหาน้ำโซดาแถวๆนั้นราดลงไปบริเวณที่ไวน์แดงหกใส่ หรือใช้วิธีโรยเกลือทิ้งเอาไว้แล้วค่อยซักออกด้วยน้ำสบู่เท่านี้คุณก็จะได้ชุดสวยของคุณกลับคืนมายากแนะนำเคล็ดลับง่ายๆให้คุณลองนำไปใช้ดู...
3.เลือดสดทันทีที่รู้ว่าเสื้อผ้าคุณกำลังเปื้อนคราบเลือดคุณควรจะรีบนำไปแช่น้ำกับผงซักฟอก แต่หากคราบเลือดนั้นไม่ใช่คราบเลือดสดให้คุณนำเสื้อที่เปื้อนเลือดไปชุบน้ำเย็นหลังจากนั้นเอาเกลือโรยตรงบริเวณคราบเลือดทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงแล้วจึงนำมาซักด้วยน้ำสบู่อีกทีหรือใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์หยดบนรอยเปื้อน ซึ่งจะทำให้เกิดฟองเมื่อหมดฟองใช้มือปัดให้แห้ง แล้วจึงนำไปซักตามปกติรอยเลือดที่ติดอยู่บนเสื้อผ้าคุณก็จะไม่เป็นปัญหากวนใจคุณอีกต่อไป
4.น้ำผลไม้ / ยางผลไม้สิ่งที่จะช่วยในการกำจัดคราบเห็นจะไม่พ้นผลไม้ด้วยกัน คือ " มะนาว "ให้ใช้มะนาวถูลงบริเวณที่เปื้อน แล้วขยี้ออกด้วยน้ำอุ่นอีกครั้งส่วนเสื้อผ้าที่เปื้อนยางผลไม้ ให้ใช้แอลกอฮอล์เช็ดตรงรอยเปื้อนยางผลไม้จะหลุดออกแล้วจึงนำไปซักตามปกติ
5.ลิปสติกอันนี้อาจจะเป็นปัญหาสำหรับสาวๆ หรือแม้กระทั้งคุณผู้ชายที่ชอบมีกุ๊กกิ๊กจนหนูๆฝากรอยรักไว้ที่เสื้อสุดเท่ของคุณคุณสามารถกำจัดคราบลิปสติกได้ง่ายๆ โดยการนำน้ำตาลทรายมาผสมน้ำแล้วถูตรงบริเวณที่มีลิปสติกเปื้อน จากนั้นหาผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดออกอีกวิธีคือใช้ยาสีฟันหรือวาสลินทาตรงรอยเปื้อน แล้วเอาไปซักตามปกติคราบลิปสติกที่คุณกังวลก็จะจางหายไป
6.หมึกเมื่อชุดสุดเลิฟโดนหมึกหยดใส่ คุณสามารถแก้ปัญหาได้ถ้ามีสเปรย์ฉีดผมอยู่ใกล้ๆมือ ให้ฉีดสเปรย์ลงบนเสื้อที่เลอะรอยหมึกทันทีเพราะจะช่วยทำให้ซักรอยหมึกออกได้ง่ายขึ้น หรือใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดหากรอยหมึกยังไม่ออก ให้ราดด้วยน้ำมะนาวและผสมเกลือแช่ทิ้งค้างคืนไว้แล้วค่อยซักตามปกติ รอยหมึกก็จะเลือนหายไปแค่นี้คุณก็สามารถใส่ชุดสุดเลิฟได้อีกครั้ง
7.น้ำหอมมนต์เสน่ห์ตราตรึงสำหรับหนุ่มๆสาวๆแต่หากการใช้น้ำหอมต้องทำให้เสื้อผ้าคุณเปื้อนเป็นคราบน้ำหอมแล้วคุณควรนำเสื้อผ้าที่เปื้อนคราบน้ำหอมล้างออกด้วยน้ำเย็นถ้ายังไม่ออกให้ใช้สำลีชุบน้ำมันสนเช็ดบริเวณที่เปื้อนแล้วนำไปซักใหม่อีกครั้ง
8.หมากฝรั่งเคล็ดลับง่ายๆเมื่อมีคนวางกับดัก... และคุณก็เจอแจคพ็อตเข้าให้เสื้อตัวโปรดคุณโดนหมากฝรั่งติดหนึบมาแบบเต็มๆให้คุณเอาเสื้อที่มีหมากฝรั่งติด ไปแช่ช่องน้ำแข็งเพื่อให้หมากฝรั่งแข็งตัว แล้วค่อยดึงออกเท่านี้คุณก็หลุดจากกับดักที่มีคนวางไว้แล้ว
9.ช็อคโกแลต หรือ กาแฟหากเสื้อผ้าคุณเปื้อน ช็อคโกแลต หรือกาแฟคุณสามารถกำจัดคราบได้โดยใช้กลีเซอรีนทาทิ้งไว้บริเวณที่เปื้อนหลังจากนั้นจึงค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่นกึ่งร้อนอีกครั้ง เพื่อละลายไขมันคราบเปื้อนที่เกิดจากช็อคโกแลต และกาแฟ ก็จะจางหายไป
10.คราบเหลืองบนเสื้อขาวคราบที่เกิดจากการเก็บผ้าไว้ในตู้เป็นเวลานานๆ หรือมีฝุ่นจับให้นำผ้าไปต้มน้ำโดยเติมโซดาไบคาร์บอเนตหรือที่เรียกกันว่า"เบ็กกิ้งโซดา" ลงไป แล้วจึงนำมาซักด้วยวิธีธรรมดา คราบสกปรกจะหายไปแล้วคุณก็จะได้เสื้อขาวปิ้งเหมือนใหม่กลับคืนมา

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552

10 คำแนะนำการเพิ่มประสิทธิภาพ Wireless Network ภายในบ้านของคุณ

จากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง มีส่วนทำให้การติดตั้งระบบ Wireless Network ตามบ้านได้รับความนิยมมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ถึงแม้อุปกรณ์ Wireless Network ในปัจจุบันจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีการรับส่งสัญญาณให้ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นอย่างมาก แต่ในบางครั้งหลายๆท่านก็ยังคงประสบปัญหาสัญญาณอ่อน, การรับส่งสัญญาณช้ากว่าที่ควรจะเป็นอยู่ ดังนั้น Tips & Tricks ในฉบับนี้จึงขอแนะนำวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Wireless Network ของคุณอย่างง่ายๆให้คุณลองนำไปประยุกต์ใช้กันให้เกิดประโยชน์สูงสุดกัน
1. วางตำแหน่ง wireless router ให้อยู่จุดกึ่งกลางของบ้านเนื่องจากเสาส่งสัญญาณของ wireless router โดยทั่วไปจะเป็นเสาแบบส่งสัญญาณรอบทิศทาง เป็นรัศมีวงกลมกระจายออกไป ดังนั้นเพื่อให้การรับส่งสัญญาณไร้สายภายในบ้านมีประสิทธิภาพมากที่สุดจึงควรวางตำแหน่งของ wireless router ในบริเวณกึ่งกลางบ้านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อใช้ประโยชน์จากลักษณะการส่งสัญญาณแบบนี้ให้มากที่สุด หากบ้านของคุณเป็นทาวเฮาส์หรือตึกแถวผมแนะนำให้วาง wireless router ไว้ที่ชั้นกลางของบ้าน จะช่วยให้การรับส่งสัญญาณไร้สายมีประสิทธิภาพสูงสุด
2. หลีกเลี่ยงการวาง Wireless Router ที่พื้น, ติดกำแพง, หรือใกล้โลหะนอกจากให้วาง Wireless Router ไว้บริเวณกึ่งกลางบ้านให้มากที่สุดแล้ว คุณยังควรหลีกเลี่ยงการวางไว้ที่พื้น การวางไว้ติดชิดฝาผนังบ้านโดยเฉพาะผนังคอนกรีต และการวางไว้ใกล้กับเฟอร์นิเจอร์หรือเครื่องใช้ที่เป็นโลหะ เช่นตู้เก็บเอกสารที่ทำด้วยเหล็กไว้ด้วย เพราะทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งสัญญาณไร้สายของตัว Wireless Router มีประสิทธิภาพต่ำลงทั้งสิ้น
3. เปลี่ยนเสาส่งสัญญาณเป็นเสาส่งสัญญาณความถี่สูงหาก Wireless Router ที่คุณใช้เป็นแบบที่สามารถถอดเปลี่ยนเสาส่งสัญญาณได้ ผมขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนเสาส่งสัญญาณความถี่สูงแบบต่อแยกต่างหากจากตัวเครื่องได้ เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มรัศมีในการรับส่งสัญญาณไร้สายให้กว้างไกลมากขึ้นแล้ว ยังสะดวกสบายในการปรับแต่งเคลื่อนย้ายการวางเสาไปไว้ในตำแหน่งที่น่าจะส่งสัญญาณกระจายไปทั่วบ้านได้ดีที่สุดได้อีกด้วย
4. เปลี่ยนตัวรับสัญญาณไร้สายในคอมพิวเตอร์ของคุณเป็นแบบ USB Network Adapterในบางกรณีการส่งสัญญาณของ Wireless Router ของคุณอาจมีประสิทธิภาพดีอยู่แล้ว แต่การรับสัญญาณที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอาจจะยังไม่ดีพอเองก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นหากเครื่องโน้ตบุ๊กองเครื่องใช้ตัวรับสัญญาณไร้สาย(Wireless Adapter)แบบ PC Card ที่เสียบติดกับตัวเครื่อง ผมขอแนะนำให้ทดลองเปลี่ยนมาใช้ตัวรับสัญญาณแบบ USB แบบที่มีสายต่อเชื่อมยาวออกจากตัวเครื่องได้ ซึ่งคุณเคลื่อนย้ายตำแหน่งการจัดวางเพื่อให้สามารถรับคลื่นสัญญาณจาก Wireless Router ได้ดียิ่งขึ้น
5. เพิ่มรัศมีการรับส่งสัญญาณด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ Access Point เพิ่มเติมสำหรับคุณมีปัญหาไม่สามารถเคลื่อนย้าย Wireless Router จากตำแหน่งเดิมได้ และประสบปัญหาคลื่นสัญญาณอ่อน ผมขอแนะนำให้ติดตั้งอุปกรณ์ Access Point เพิ่มเติมอีกหนึ่งจุด ซึ่งเหมือนกับการเพิ่มระยะการรับส่งสัญญาณไปอีกอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว และนอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มไปในจุดต่างๆได้มากจุดเท่าที่คุณต้องการได้อีกด้วย โดยให้ตั้งตำแหน่งที่เป็นจุดกึ่งกลางของบริเวณที่คุณต้องการขยายรัศมีการรับส่งสัญญาณออกไป
6. เปลี่ยนคลื่นความถี่ในการส่งสัญญาณไร้สายของตัว Wireless Routerในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดีในขณะนี้ คุณอาจจะยังไม่มีงบประมาณสำรองในการซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติมมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ Wireless Network ในบ้านของคุณ คุณอาจจะลองใช้วิธีปรับแต่งช่วงความถี่คลื่นในการรับส่งสัญญาณของ Wireless Router ของคุณเองก็ได้ โดยปกติ Wireless Router จะมีส่วนของ Wireless Channel ให้ทดลองปรับเปลี่ยนได้อยู่แล้ว ให้คุณเข้าไปปรับค่าในส่วนนี้ให้ค้นหาคลื่นความถี่ที่ดีที่สุดของคุณ ส่วนวิธีการปรับเปลี่ยนให้ศึกษาได้จากคู่มือใช้งาน Wireless Router ของคุณเอง
7. พยายามลดคลื่นรบกวนการรับส่งสัญญาณไร้สายให้มากที่สุดอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ประสิทธิภาพในการรับส่งสัญญาณไร้สายลดลงก็คือ การมีคลื่นรบกวนจากอุปกรณ์ต่างๆภายในบ้านที่มีการปล่อยคลื่นความถี่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นเตาไมโครเวฟ, โทรทัศน์, รวมไปถึงเครื่องรับสัญญาณทีวีดาวเทียม โดยเฉพาะอุปกรณ์ไร้สายอย่างเช่นโทรศัพท์ไร้สายที่ใช้ระดับคลื่นความถี่ที่ 2.4GHz ซึ่งเป็นระดับเดียวกับ wireless router จะสร้างคลื่นรบกวนให้การรับส่งสัญญาณเป็นอย่างมาก จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไร้สายอื่นๆที่ใช้คลื่นความถี่ระดับเดียวกันนี้ภายในบ้า
8. อัพเดทเฟิร์มแวร์และไดรเวอร์ของอุปกรณ์ไร้สายของคุณให้ใหม่สุดโดยทั่วไปบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ไร้สายจะมีการอัพเดทเฟิร์มแวร์และไดรเวอร์สำหรับอุปกรณ์ของตัวเองอยู่เป็นระยะๆอยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการปรับปรุงการทำงานของตัวเครื่องและรองรับการทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ใหม่ๆได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งในบางครั้งการอัพเดทยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากยิ่งขึ้นได้อีกด้วย ผมจึงขอแนะนำให้คุณเข้าไปดูเว็บของบริษัทผู้ผลิตเป็นระยะๆ หากพบว่ามีอัพเดทใหม่ให้คุณดาวน์โหลดมาติดตั้งทันที เพื่อให้คุณสามารถใช้งานระบบ wireless network ของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
9. พยายามเลือกซื้ออุปกรณ์ไร้สายต่างๆที่ใช้ร่วมกันจากผู้ผลิตรายเดียวกันคุณๆคงจะเคยได้ยินมาบ้างแล้วว่าถ้าใช้อุปกรณ์จากผู้ผลิตรายเดียวกันจะทำให้ประสิทธิภาพการงานทำโดยร่วมของระบบ Wireless Network ของคุณจะดีขึ้น ซึ่งก็เป็นจริงอย่างนั้นจริงๆด้วย เพราะถึงแม้แต่ละบริษัทผู้ผลิตจะผลิตอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐานเดียวกันและสามารถทำงานร่วมกันได้จริง แต่ในบางครั้งบริษัทผู้ผลิตได้มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยี่พิเศษเฉพาะของตัวเองเข้าไป ซึ่งจะทำใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดหากใช้ร่วมกับอุปกรณ์ที่มาจากผู้ผลิตรายเดียวกัน การเลือกซื้ออุปกรณ์ไร้สายต่างๆจากผู้ผลิตเดียวกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
10. เลือกซื้ออุปกรณ์ไร้สายที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11g หรือดีกว่าขึ้นไปหากคุณพอมีทุนทรัพย์ในการอัพเกรดระบบ Wireless Network เดิมที่ใช้อุปกรณ์ไร้สายมาตรฐาน IEEE 802.11b ให้คุณเลือกซื้ออุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11g เป็นอย่างน้อย ซึ่งมีรัศมีและความเร็วในการรับส่งสัญญาณสูงกว่ามาตรฐานเดิมเป็นอย่างมาก แต่ถ้าให้ดีที่สุดควรเลือกซื้ออุปกรณ์ไร้สายที่รองรับมาตรฐาน IEEE 802.11n ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่มีความเร็วในการรับส่งสัญญาณได้มากกว่ามาตรฐาน 802.11g ถึง 5 เท่าตัว และที่สำคัญสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์มาตรฐานเก่าได้อีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ชาเขียวหยุดมะเร็งได้จริงมน.แนะกินคู่ผักผลไม้ให้ฤทธิ์เสริมกัน

นักวิจัยญี่ปุ่นเผยผลวิจัยสารสกัดชาเขียวมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งแนะดื่มชาเขียววันละ 10 แก้ว ควบคู่กับผักผลไม้ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ ด้านนักวิจัยไทยยันกินมังสวิรัติป้องกันมะเร็งผิวหนัง ชี้โอกาสเป็นน้อยกว่าคนกินเนื้อ
ศ.ดร.ฮิโรตะฟูจิกิ ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยโทคุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เปิดเผยผลการวิจัยสารสกัดชาเขียวกับโอกาสในการพัฒนายารักษาโรคมะเร็ง ในการประชุมวิชาการนานาชาติด้านวิจัยและพัฒนานวัตกรรม ครั้งที่ 2 จัดโดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยว่า ชาเขียวเป็นพืชที่นักวิทยาศาสตร์สนใจศึกษาการออกฤทธิ์ยับยั้งโรคมะเร็งอย่างแพร่หลาย ผลการวิจัยพบความเป็นไปได้ ในการนำชาเขียวมาพัฒนาเป็นยารักษาโรคมะเร็งในอนาคตอันใกล้
งานวิจัยยืนยันว่าในชาเขียวมีสารแคททีชิน(catechin) ซึ่งทำลายเซลล์มะเร็งได้ ผลจากการวิจัยยังพิสูจน์ว่าการดื่มชาเขียวอย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกาย เนื่องจากเป็นสารที่สกัดได้จากธรรมชาติ
ที่ผ่านมานักวิจัยได้ศึกษาประสิทธิผลของสารสกัดชาเขียวในอาสาสมัครที่เป็นมะเร็งแล้วไม่ต่ำกว่า 400 ราย เบื้องต้นพบว่าการดื่มชาเขียวสามารถชะลอการป่วยด้วยโรคมะเร็งออกไป แต่หากป่วยแล้วก็ช่วยป้องกันการลุกลามของโรคได้ แต่ต้องดื่มถึงวันละ 10 ถ้วย อย่างไรก็ตาม ผลของการบริโภคชาเขียวจะดียิ่งขึ้นหากรับประทานควบคู่กับผักผลไม้เป็นประจำ ทั้งนี้เนื่องจากผักผลไม้มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้
ศ.เกียรติคุณดร.ไมตรี สุทธจิตต์ ภาควิชาชีวเคมี สำนักวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) กล่าวว่า ผักและผลไม้สามารถช่วยยับยั้งการเกิดของเซลล์มะเร็งเยื่อบุผิว เช่น มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งผิวหนัง รวมถึงมะเร็งปอดได้จริง จากการวิจัยที่มีการศึกษาในทั่วโลก โดยมะเร็งเยื่อบุผิวเป็นมะเร็งที่มีอัตราการเกิดมากที่สุดหรือ 80% ของมะเร็งที่มีทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ จะมีโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่า เนื่องจากในผักผลไม้มีวิตามิน ไฟเบอร์ และสารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ขณะที่เนื้อสัตว์อุดมไปด้วยไขมัน คอเลสเตอรอล สาเหตุสำคัญของโรค เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง เป็นต้น
การดื่มชาเขียวควบคู่กับผักผลไม้มีส่วนช่วยยับยั้งกลไกของยีนก่อมะเร็ง เหมาะสำหรับคนที่มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคมะเร็ง และป้องกันการเป็นมะเร็งซ้ำ ดังนั้น การรับประทานมังสวิรัติหรืออาหารเจ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคมะเร็ง

วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันแม่ในประเทศต่างๆ

ท่านทราบหรือไม่ว่า วันแม่แห่งชาติของประเทศต่างๆทั่วโลกนั้น ตรงกันวันไหน เดือนอะไรบ้าง? มาดูกันเลยดีกว่า

ประเทศรัสเซีย กำหนดเอาวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันแม่แห่งชาติ
สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ใช้วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ
ประเทศนอรเวย์ กำหนดเอาวันอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์
วันที่ 8 มีนาคม ในประเทศ บัลแกเรีย, แอลเบเนีย
วันอาทิตย์ที่สี่ในฤดูถือบวชเล็นท์ (มาเทอริง ซันเดย์) (วันไหนก็ไม่รู้) ในประเทศ สหราชอาณาจักร, ไอร์แลนด์
วันที่ 21 มีนาคม (วันแรกของฤดูใบไม้ผ ลิ) ในประเทศ จอร์แดน, ซีเรีย, เลบานอน, อียิปต์
วันอาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม ในประเทศ โปรตุเกส, ลิทัวเนีย, สเปน, แอฟริกาใต้, ฮังการี
วันที่ 8 พฤษภาคม ในประเทศ เกาหลีใต้ (วันผู้ปกครอง)
วันที่ 10 พฤษภาคม ในประเทศ กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, ประเทศส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้, บาห์เรน, ปากีสถาน, มาเลเซีย, เม็กซิโก, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อินเดีย, โอมาน
วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม ในประเทศ แคนาดา, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน), สาธารณรัฐประชาชนจีน, ญี่ปุ่น, เดนมาร์ก, ตุรกี, นิวซีแลนด์, เนเธอร์แลนด์, บราซิล, เบลเยียม, เปรู, ฟินแลนด์, มอลตา, เยอรมนี, ลัตเวีย, สโลวาเกีย, สิงคโปร์, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, อิตาลี, เอสโตเนีย, ฮ่องกง
วันที่ 26 พฤษภาคม ในประเทศ โปแลนด์
วันที่ 27 พฤษภาคม ในประเทศ โบลิเวีย
วันอาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ในประเทศ สาธารณรัฐโดมินิกัน, สวีเดน
วันอาทิตย์แรกของเดือนมิถุนายนหรือ อาทิตย์ที่สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ในประเทศ ฝรั่งเศส
วันที่ 12 สิงหาคม ในประเทศไทยของเราเอง (วันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ)
วันที่ 15 สิงหาคม (วันอัสสัมชัญ) ในประเทศ คอสตาริกา, แอนท์เวิร์ป (เบลเยียม)
วันอาทิตย์ที่สองหรือสามของเดือนตุลาคม ในประเทศ อาร์เจนตินา (Día de la Madre)
วันที่ 28 พฤศจิกายน ในประเทศ รัสเซีย
วันที่ 8 ธันวาคม ในประเทศ ปานามา
วันที่ 22 ธันวาคม ในประเทศ อินโดนีเซีย

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เผยคนไทย 1 ล้านคน ป่วยโรคอัลไซเมอร์

ศึกษาพบคนไทยถึง 1 ล้านคนเป็นอัลไซเมอร์ และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยคนแก่เป็นกลุ่มเสี่ยง แนะป้องกันอย่างใกล้ชิด... นพ.ธงชัย ทวิชาชาติ กรรมการมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย กล่าววันนี้ (26 พ.ค.) ว่า จากผลศึกษาของสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขพบปัจจุบันประเทศไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกว่า 7 ล้านคน และคาดว่า จะมีผู้สูง อายุเป็นโรคสมองเสื่อมประมาณ 2.1 ล้านคน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ที่เป็นโรคอัลไซเมอร์ถึง 1 ล้านกว่าคน ที่สำคัญยังพบว่าแนวโน้มของผู้เป็นโรคอัลไซเมอร์ในประเทศไทยจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะผู้สูงอายุ ดังนั้น จึงต้องมีการดำเนินการป้องกันอย่างใกล้ชิด กรรมการมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า อาการเตือนของโรคอัลไซเมอร์มีหลายระดับเริ่ม แรกอาจจะเป็นเพียงหลงลืมเล็กน้อย จนถึงระดับที่เป็นมาก โดยเริ่มจาก 1. ความผิดปกติด้านความทรงจำ จำอะไรไม่ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจำใหม่ และเริ่มมากขึ้นจนลืมความทรงจำในอดีต 2. ความผิดปกติเกี่ยวกับการใช้ภาษา ผู้ป่วยจะหาคำพูดที่เหมาะสมกับคำที่จะพูดไม่ได้ เรียกชื่อสิ่งของผิดและไม่มีสมาธิทำให้ไม่สามารถสนทนาหรือสร้างประโยคได้จึงทำให้พูดประโยคสั้นลงจนในที่สุดอาจจะพูดซ้ำๆ หรือไม่พูดเลย 3. ความผิด ปกติเกี่ยวกับความรู้ทิศทางและเวลา ผู้ป่วยอาจหลงทาง ไม่รู้วัน เวลา สถานที่ บุคคล และกลางคืนไม่ยอมนอน หรือนอนไม่เป็นเวลานพ.ธงชัย กล่าวถึงอาการเตือนโรคอัลไซเมอร์ต่อว่า 4.ความผิดปกติของความเฉลียวฉลาด ความสามารถของผู้ป่วยที่เคยมีขาดหายไป 5.บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงและพบอาการทางจิตเวช โดยอาการที่พบบ่อยมากที่สุดคือ มีพฤติกรรมซ้ำๆ ซึมเศร้า ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม หงุดหงิด หวาดระแวง และพฤติกรรมที่ผิดปกติ เช่น การแสดงออกทางสังคมไม่เหมาะสม เห็นภาพหลอน หูแว่ว เป็นต้น และ 6. ความผิดปกติทางระบบการเคลื่อนไหวและระบบประสาทส่วนอื่นๆ ด้านคุณหญิงอุไรวรรณ ศิรินุพงศ์ รองประธานมูลนิธิโรคอัลไซเมอร์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า เพื่อป้องกันกลุ่มเสี่ยงต่อโรคอัลไซเมอร์ 1-5 มิ.ย.นี้ มูลนิธิโรคอัลไซเมอร์ฯ จะร่วมกับ กรุงเทพมหานครและศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของประเทศไทย ได้จัดทำ โครงการ “คัดกรองความจำ” ขึ้น ณ ศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่งในเขตกรุงเทพฯ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สูงอาย และผู้ดูแลได้เข้าร่วมกิจกรรมได้ทราบถึงสัญญาณเตือนถึงการเป็นโรคอัลไซเมอร์ เพื่อการเตรียมความพร้อมป้องกันตั้งแต่เริ่มแรก โดยกลุ่มคนที่ควรจะไปคัดกรองความจำในครั้งนี้คือผู้ที่มีอายุ 60 ปี ขึ้นไป ผู้ที่มีปัญหาเรื่องความจำ มีปัจจัยเสี่ยงเนื่องจากมีญาติมีประวัติเคยรักษาโรคอัลไซเมอร์ส่วน พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า กรุงเทพมหานคร ได้เตรียมความพร้อมในด้านการให้บริการกับผู้สูงอายุที่สนใจเข้าร่วมคัดกรองในครั้งนี้ โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวชศาสตร์จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ศ.พญ.นันทิกา ทวิชาชาติ หัวหน้าคลินิกความจำ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ รศ.พวงสร้อย วรกุล นักจิตวิทยาประจำโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ มาให้การอบรมเจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการสาธารณสุขทั้ง 68 แห่ง ด้วย

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ประวัติกาแฟไทย


ประวัติกาแฟไทย
]
สร้างเมือ 30-05-2007

-->
คำว่า กาแฝ่ ปรากฏในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ของหมอบรัดเลย์ ตีพิมพ์เมื่อปี พ . ศ .2416 ว่า
กาแฝ่ , ต้นไม้อย่างหนึ่ง มาแต่เมืองนอก เม็ดมันต้มน้ำร้อนกินคล้ายใบชา
มีบันทึกว่าเมืองไทยปลูกกาแฟมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ทว่าแพร่หลายจริงจัง นิยมปลูกและนิยมดื่มก็ล่วงเข้ามาสมัยรัตนโกสินทร์ ในพ . ศ .2367 สมัยรัชกาลที่ 3 ประเทศไทยเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างประเทศ เช่น อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ( ดัตช์ ) ได้มีการนำกาแฟมาทดลองปลูกกันในพระบรมมหาราชวังและแจกจ่ายให้เสนาบดีเพาะต้นกาแฟแจกจ่ายไปปลูกกัน
ในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระมหาประยูรวงศ์ ท่านมีสวนกาแฟ เมื่อคราวได้ต้อนรับเซอร์ยอร์น เบาว์ริ่ง ท่านได้มอบกาแฟให้ท่านเซอร์ไปเป็นตัวอย่างถึง 3 กระสอบ นอกจากนี้พ่อค้าชาวดัตซ์หรือชาวอังกฤษจากแหลมมาลายูอาจนำกาแฟเข้ามาแลกเปลี่ยนกันสินค้ากับพ่อค้าชาวไทยจึงมีการนำพันธุ์กาแฟมาปลูกในพื้นที่ภาคใต้ กาแฟพันธุ์โรบัสต้า สันนิฐานว่านำมาปลูกราว ปี พ . ศ .2447 ชาวไทยอิสลามชื่อ นายตีหมุน เป็นผู้นำมาปลูกครั้งแรกที่ตำบลบ้านตะโหนด อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา สันนิษฐานว่านำมาจากประเทศอินโดนีเซีย เพราะช่วงนั้นประเทศอินโดนีเซียกำลังตื่นตัวการปลูกกาแฟโรบัสต้า จากบันทึกของพระสารศาสตร์พลขันธ์ ( นายเจรินี ชาวอิตาลี ) กล่าวว่าประเทศไทยมีการนำพันธุ์กาแฟอาราบิก้าเข้ามาปลูกตั้งแต่ปี พ . ศ .2493 แล้ว ต่อมาในระหว่างปี 2515-2522 ได้มีการดำเนินโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นในเขตภาคเหนือ พบว่ากาแฟอาราบิก้ามีศักยภาพในการปลูกทดแทนฝิ่นได้ ในปี 2523 จึงมีการส่งเสริมปลูกกาแฟอาราบิก้าทดแทนฝิ่นจนถึงปัจจุบัน
ส่วนวัฒนธรรมการดื่มกาแฟมีการเปิดร้านกาแฟแห่งแรกในกรุงเทพฯ โดยชาวอเมริกัน ตั้งอยู่ที่บริเวณสี่กั๊กพระยาศรี ต่อมาได้มีร้านขายของชำชื่อ ตุงฮูสโตร์ขายกาแฟยี่ห้อ ตุงฮู ในสมัยราชกาลที่ 6 โปรดเกล้าให้ตั้งร้านกาแฟชื่อ นรสิงห์ ขึ้นบริเวณริมถนนศรีอยุธยาริมลานพระบรมรูปทรงม้า ต่อมามีการตั้งร้านกาแฟขึ้นอีกหลายร้าน ที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบันเช่น ออนล๊อกหยุ่น เอี๊ยแซ เป็นต้น


วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สอบไม่ติด...ก็แค่เรื่องธรรมดา

ยังมีคนอีกตั้งครึ่งค่อนประเทศที่พลาดหวังจากการสอบในครั้งนี้เหมือนเรา
น้องคนไหน ที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความผิดหวัง เสียใจ และทดท้อหมดกำลังใจจากผลของการสอบคัดเลือกเข้าสถาบันการศึกษาตามที่คาดหวังเอาไว้ อย่าเพิ่งปล่อยให้ตัวเองโดนกลืนกินด้วยความท้อถอยไปนะคะ อยากให้ลองหันมาฟังทางนี้ เอ้า ก็ชีวิตมันยังไม่ได้จะจบตรงนี้ซะหน่อย ถ้าไม่ลุกแล้วเดินต่อ จะไปถึงปลายทางได้อย่างไรกันจ๊ะ
อย่าลืมไปว่า นี่เป็นแค่หนึ่งเรื่องที่ผ่านเข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของเราเท่านั้น การวัดนั้นไม่ได้อยู่ที่ว่าใครสอบติดหรือไม่ติดตามสิ่งที่ตัวเองหวัง แต่อยู่ที่การเรียนให้ได้ดีในคณะและวิชาที่เราเลือก และสามารถนำความรู้ทีได้รับ ออกมาใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพและในชีวิตจริงต่างหาก ถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ผู้คนที่ก้าวมาอยู่ในจุดสูงสุดของชีวิตมากมาย ก็ไม่ได้มาจากมหาลัยปิดหรือมหาวิทยาลัยรัฐเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า การสอบคัดเลือกในครั้งนี้ไม่ใช่เครื่องวัดว่าเราจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลวในชีวิต ต้องเรียกว่าเป็นแค่จุดเริ่มต้นถึงจะถูก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกเริ่มชีวิตของเราอย่างไร นั่นต่างหากที่สำคัญลองมองรอบๆ ตัว ออกไปจนถึงข้างนอก ตามถนนหนทาง ผู้คนมากมายที่มีเรื่องผิดหวัง คงไม่ใช่เราคนเดียวเท่านั้นที่พลาดหวังจากการสอบในครั้งนี้ ยังมีคนอีกตั้งครึ่งค่อนประเทศที่เหมือนเรา ก็ใช่ว่าทุกคนจะต้องเสียอกเสียใจไม่ต้องคิดทำอะไรกันต่อไป เปล่าเลย เรียนที่นี่ไม่ได้ ก็เรียนที่อื่น หรือไม่ก็เตรียมตัวใหม่อีกครั้งเพื่อลองใหม่อีกปีหน้า ถ้าอยากจะสอบคณะที่เราหวังให้ได้จริงๆ เอ้า ก็ลองใหม่ไม่ว่ากัน แต่สิ่งสำคัญ ต้องเข้าใจไว้อย่างว่า วิชาความรู้นั้น เราหาและขวนขวายได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะต่อให้เราสอบชิงชัยได้ที่นั่งในมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งตามที่เราหวังไว้ แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้ว ไม่เอาวิชาหรือสิ่งที่ประโยชน์ติดตัวออกมา ก็ไม่น่าจะลงแรงสอบแข่งขันให้เหนื่อยเปล่าเลย เรียกว่าไปกินที่คนอื่นที่เขามีความตั้งใจจะเรียนซะเปล่าๆ บางคนอาจจะห่วงไปถึงเรื่องการทำงาน ว่าชื่อของสถาบันอาจมีผลต่อการสมัครงานหรือรับเข้าทำงานในวันข้างหน้า กับความเชื่อที่ว่าใครมาจากสถาบันชื่อดังก็มีสิทธิ์ได้รับการพิจารณามากกว่านั้น อยากจะบอกว่ามันหมดยุคไปแล้วจ้ะ เดี๋ยวนี้โลกการทำงานเปิดกว้างมากขึ้น โอกาสมีรออยู่เสมอสำหรับคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่มีความกระตือรือร้นในการทำงานมากกว่าคนที่มีแค่ชื่อสถาบันติดตัวออกมาเท่านั้น เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะจบมาจากที่ไหนไม่สำคัญ มันอยู่ที่ว่าเราฝึกฝนตัวเองให้พร้อมเริ่มต้นการทำงานในชีวิตจริงได้มากน้อยแค่ไหน โอกาสย่อมเป็นของคนที่พร้อมกว่าไม่ใช่คนที่มาจากที่ๆ ดังกว่าซะหน่อย แต่ถึงแม้ชื่อสถาบันจะแทบไม่มีผลต่อการคัดเลือกเข้าทำงานในสมัยนี้แล้ว แต่ผลการเรียนนั้นยังเป็นส่วนสำคัญที่ยังคงมีความหมายอย่างยิ่ง เพราะยังถือเป็นตัวบ่งชี้ถึงความรับผิดชอบของตัวเราที่มีได้อย่างชัดเจนมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเรียนที่ไหน ก็ต้องตั้งใจให้เกรดสวยๆ ไว้ ไม่เสียหายแน่นอนเส้นทางสู่ความสำเร็จนั้น ไม่ได้ถูกขีดไว้เป็นเส้นตรง มีหนทางมากมายที่เราจะเลือกก้าวเดินไปเพื่อให้ถึงจุดนั้นของชีวิต เพราะฉะนั้น จงเลือกทางที่เหมาะสมให้กับตัวเราเอง ส่วนจะใช้เวลาในการเดินทางเร็วหรือช้านั้นไม่สำคัญ แต่จงมองหามุมที่มีความสุขบนเส้นทางนั้นให้เจอ แล้วเต็มที่กับทางที่เราเลือก ก้าวเดินอย่างมั่นใจ อย่าให้เสียกำลังใจของคนที่เอาใจช่วยเราอยู่รอบๆ ข้าง ความสุขและความสำเร็จมีให้เราไขว่คว้าอยู่รอบตัว ลองเปิดใจให้กว้างแล้วค้นหาสิ่งนั้นด้วยตัวเราเอง ยังมีสิ่งใหม่น่าค้นหารอเราอยู่ในทางข้างหน้ามากมาย ถ้าไม่ก้าวเดินไป จะเจอสิ่งดีๆ ที่รออยู่ได้อย่างไรกันจ๊ะ จริงไหม

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

เเบตเตอรี่

อีกไม่นาน Laptop, iPod หรือ โทรศัพท์มือถือ ทำงานได้ด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ไวรัส! นักวิจัยได้ค้นพบวิธีตัดต่อพันธุกรรมให้เจ้าเชื้อโรคตัวร้ายทำงานได้เหมือนกับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ งานวิจัยชิ้นนี้ถูกนำออกเสนอทางอินเตอร์เนตในเว็ป Science ครั้งแรกในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมาในงานวิจัยก่อนหน้านี้ ทางทีมวิจัยได้ตัดต่อพันธุกรรมให้ไวรัสทำหน้าที่เป็น electrode ด้านลบหรือ anode ได้สำเร็จ ในงานวิจัยชิ้นนี้ พวกเขาทำให้ไวรัสทำหน้าที่เป็น electrode ด้านบวกหรือ cathode ซึ่งเมื่อนำเอาไวรัสสองชนิดนี้มาใช้งานรวมกัน เราก็จะได้แบตเตอรี่จากไวรัส ซึ่งนอกจากจะทำงานได้มีประสิทธิภาพดีกว่าแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแล้ว ยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย“เพราะว่าไวรัสนั้นเป็นสิ่งมีชีวิต เราจึงใช้เพียงสารละลายที่มีน้ำเป็นตัวทำละลาย ไม่มีการใช้แรงดันหรืออุณหภูมิสูงในการผลิตและใช้งาน” Angela Belcher นักวิจัยวัสดุศาสตร์ มหาวิทยาลัย MIT เคมบริดจ์ สหรัฐอเมริกา ตัวแทนทีมวิจัย กล่าวแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ใช้อยู่ทั่วไปนั้นจะเก็บและปล่อยพลังงานไฟฟ้าเมื่อไอออนของลิเทียมและอิเล็คตรอนเคลื่อนที่ระหว่าง electrode ขั้วลบกับขั้วบวก โดยทั่วไปแล้ว electrode ขั้วบวกนั้นจะทำจาก เหล็กฟอสเฟต ซึ่งมีความเสถียรสูง แต่นำไฟฟ้าได้ไม่ดีนัก เมื่อเหล็กฟอสเฟตทำปฏิกิริยากับลิเทียม มันจะสามารถเก็บสะสมพลังงานไว้ได้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อมีการเคลื่อนที่ของไอออนและอิเล็คตรอนผ่านขั้วบวก การเคลื่อนที่จึงเป็นไปได้ช้า ทำให้ประสิทธิภาพในการปล่อยพลังงานลดน้อยลงไอออนและอิเล็คตรอนจะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นเมื่อเคลื่อนที่ผ่านอณุภาคขนาดเล็ก การทำให้เหล็กฟอสเฟตอยู่ในรูปอณุภาคมีขนาดเล็กเพิ่อเพิ่มประสิทธิภาพนั้น จะต้องผ่านกระบวนการที่ยุ่งยากและมีราคาสูง ดังนั้น ทีมของ Belcher จึ้งตัดต่อพันธุกรรมของไวรัส M13 ให้ปกคลุมตัวเองด้วยเหล็กฟอสเฟต เพียงเท่านี้เราก็จะได้เหล็กฟอสเฟตขนาดจิ๋วจากไวรัสตัดต่อยีนที่สองอีกเสียหน่อยก็จะทำให้ด้านหนึ่งที่เหลือของไวรัสติดเข้ากับท่อนาโนคาร์บอนซึ่งนำไฟฟ้าได้ดี เท่านี้เราก็จะได้อณุภาคเหล็กฟอสเฟตที่เก็บสะสมพลังงานได้ดี แถมยังให้ไอออนกับอิเล็คตรอนเคลื่อนที่ได้ดีอีกด้วย“งานวิจัยครั้งนี้ถือเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นมาก” นักเคมีแบตเตอรี่ Kang Xu จากห้องแล็ปของกองทัพสหรัฐฯในAdelphi กล่าว “Belcher นับเป็นนักวิจัยคนแรกที่ใช้ต้นแบบทางชีววิทยาในการตัดต่อวัสดุเข้าด้วยกัน”

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คุณลักษณะ 10 ประการ ของผู้มีระดับคุณภาพทางอารมณ์สูง



1. รับรู้อารมณ์ของตนเอง มากกว่าที่จะกล่าวโทษสถานการณ์ หรือผู้อื่น
2. สามารถแยกแยะระหว่าง ความคิด กับ ความรู้สึก ได้
3. มีความรับผิดชอบต่อความรู้สึกของตนเองไม่โทษโน่นโทษนี้
4. รู้จักใช้ ความรู้สึก เพื่อช่วยในการตัดสินใจ
5. มีความเคารพ ให้เกียรติในความรู้สึกของคนอื่น
6. เมื่อถูกกระตุ้นให้โกรธ จะสามารถ ควบคุมจิตใจไม่ให้โกรธได้ และสามารถแปลงพลังความโกรธให้เป็นพลังในทางสร้างสรรค์ได้
7. เข้าใจเห็นอกเห็นใจและยอมรับในความรู้สึกของผู้อื่น
8. รู้จักฝึกหาคุณค่าในทางบวก จากอารมณ์ในทางลบ
9. ไม่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ ตัดสิน ออกคำสั่ง ทำการควบคุม หรือแนะนำสั่งสอนผู้อื่น เป็นกิจวัตร
10. หลีกเลี่ยงการปะทะอารมณ์กับคนที่ไม่ยอมรับ หรือ ไม่เคารพความรู้สึกของผู้อื่น

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เด็กไม่เอาถ่าน คำนี้มีที่มาจากอะไร?

เด็กที่วันๆ เอาแต่เล่นเกมส์ออนไลน์ ไม่อ่านหนังสือเรียน การบ้านก็ไม่ทำ งานบ้านก็ไม่เคยคิดจะหยิบจับช่วยเหลือพ่อแม่ ทานอาหารแล้วไม่รู้จักล้างจานชาม เหล่านี้ล้วนเป็นตัวอย่างพฤติกรรมของ "เด็กไม่เอาถ่าน" ทำไมจึงเรียก "เด็กไม่เอาถ่าน" คาดกันว่าคำนี้มีที่มาจากคำเดิม คือ "เหล็กไม่เอาถ่าน" เพราะในสมัยก่อนนั้น การหลอมเหล็กหรือตีอาวุธจากเหล็กให้แข็งแกร่งนั้น จำเป็นต้องใช้ถ่านในการก่อเปลวไฟจนลุกโชน เพื่อให้ความร้อนแก่เหล็ก แล้วถ่านหรือคาร์บอนจะแทรกตัวเข้าไปอยู่ในเนื้อเหล็กหลังจากการถลุง ถ้าเหล็กไม่มีถ่านผสมอยู่เลย เหล็กนั้นจะมีคุณภาพต่ำ ไม่แข็งและเหนียวพอที่จะเรียกว่า เหล็กกล้า แต่หากมีมากเกินไปจะทำให้เหล็กเปราะ เหล็กที่ดีควรมีคาร์บอนเข้าไปผสมอยู่ประมาณ 0.1 - 1.8% ช่างตีอาวุธจากเหล็กในสมัยโบราณ จำเป็นต้องคิดค้นหากลวิธี เพื่อขจัดปัญหาดาบหัก เพราะแสดงถึงกรรมวิธีการผลิตที่ไม่ดีทำให้เหล็กไม่เอาถ่าน จนกลายเป็นคำพูดติดปาก เปรียบเทียบนิสัยคนกับอาวุธว่า "เหล็กไม่เอาถ่าน"

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552

หลากหลายวิธี ช่วยให้อารมณ์ดีทันตาเห็น

หันไปทางไหนในยามนี้ เจอแต่คนหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยพิษเศรษฐกิจตกสะเก็ด อย่ากระนั้นเลย มาลองหาวิธีชุบชูใจให้อารมณ์ดีทันตาเห็นกันดีกว่า
แต่ละวิธีที่จะนำมาบอกต่อกันนี้สรุปมาจากข้อเขียนของคริสตี โล ใน นสพ.เดอะ ซิดนีย์ มอร์นิง เฮอรัลด์ ของออสเตรเลีย ล้วนแล้วแต่เป็นวิธีง่าย ๆ แทบไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายตังค์เพิ่ม หรือจ่ายน้อยมาก
วิธีแรกสุดคือต้องรู้จัก หายใจให้มีความสุข เพราะครูสอนโยคะบอกว่า การหายใจเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างกายกับจิต ดังนั้น มันจึงสามารถเปลี่ยนอารมณ์ของเราได้ด้วย โดยให้นั่งตัวตรงปล่อยตัวตามสบายค่อยๆ หายใจเข้าออกช้าๆสัก 3 นาที หรือถ้ารู้สึกหนักมากต่อเวลาออกไปก็ได้
ลองเปลี่ยนบรรยากาศในห้อง ก็เป็นการจัดสภาพแวดล้อมที่ช่วยคลายเครียดได้ไม่น้อย นักจิตวิทยาแนะนำว่า การนำแจกันดอกไม้มาตั้งไว้ในห้องก็เป็นไอเดียที่ไม่เลว ในการนำสภาพแวดล้อมภายนอกเข้ามาในห้อง ที่สำคัญต้องเป็นดอกไม้ที่มีสีสันสดใสสักหน่อย อย่างดอกทานตะวันหรือกล้วยไม้กำลังบานนี่ใช่เลย นอกจากนี้ยังอาจเปลี่ยนสีห้องเพราะว่าสีมีอิทธิพลทางจิตวิทยาต่อคนเรา
ตั้งความฝันไว้ แล้วไปให้ถึง สังเกตพวกวัยรุ่นที่ชอบติดรูปดาราคนโปรดในห้อง ก็เพราะยึดดาราเป็นต้นแบบที่จะไปให้ถึง สำหรับคนทำงานแล้วอาจติดรูปภาพสถานที่ที่อยากไปเที่ยวแปะไว้ข้างฝา เพื่อเป็นแรงกระตุ้นว่าสักวันเถอะ จะต้องไปที่นั่นให้ได้
เรื่องของกลิ่นก็มีส่วนช่วย อาจจะ จุดเทียนหอม หรือ น้ำมันหอมระเหย ทำให้ห้องอบอวลไปด้วยกลิ่นที่น่าอภิรมย์ พลอยให้จิตใจไม่หงุดหงิดง่าย ระหว่างนั้นอาจจะ จิบชา รสที่ชอบไปด้วย แต่เรื่องชามีผู้แนะนำว่าให้เลือกชาคาโมไมล์ และเอิร์ลเกรย์ จะช่วยคลายอารมณ์ได้
สุดท้ายอาจฟังดูแปลกพิสดาร เขาแนะนำให้ ล้างมือ ผู้แนะนำบอกว่า ระหว่างล้างมือด้วยน้ำกับสบู่จะทำให้เราจดจ่อกับสีและกลิ่นของฟองสบู่ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราค่อยๆเปลี่ยนอารมณ์ให้เย็นลงนั่นเอง.

วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เกาลัดคั่วในเม็ดทราย


เกาลัดคั่วที่เห็นมากแถวเยาวราช มักจะมีเม็ดสีดำเล็กๆ คั่วรวมอยู่ด้วย หลายคนคิดว่าเป็นเมล็ดกาแฟ จริงๆ แล้วไม่ใช่ เจ้าเม็ดสีดำเล็กนั้นคือเม็ดทรายขนาดประมาณ 3-5 มิลลิเมตร เป็นทรายที่ใช้ในการก่อสร้าง หรือที่เห็นตามตู้ปลาสีออกน้ำตาลพ่อค้าจะนำเอาทรายแห้งใส่ลงไปในกระบะใบใหญ่ พอทรายร้อนระอุได้ที่จนเป็นสีดำก็จะนำเอาลูกเกาลัดใส่ลงไป บางร้านเติมน้ำตาลทรายคั่วรวมกันให้ได้รสหวานบางเจ้าเพิ่มกลิ่นหอมด้วยการใส่เมล็ดกาแฟคั่วรวมไป เหตุผลที่ต้องใช้เม็ดทราย ก็เพราะเม็ดทรายช่วยเก็บความร้อนไว้ได้ ซึ่งดีนักสำหรับการทำให้เกาลัดสุกถึงเนื้อผลด้านใน เพราะหากสังเกตกันดีๆ เนื้อผลของเกาลัดนั้นจะไม่ติดกับเปลือก ดังนั้นการใช้ทรายที่ร้อนระอุตลอดเวลาจะช่วยให้เนื้อเกาลัดค่อยๆ สุก แต่ต้องหมั่นคนเพื่อไม่ให้เกาลัดไหม้ ซึ่งจะคั่วกันนานราว 30-40 นาที เม็ดทรายนั้นใช้ได้นานกว่า 1 เดือน เรียกว่าคั่วเกาลัดได้หลายกระทะจนทรายที่เป็นเม็ดเริ่มป่นเป็นผงนั่นแหล่ะจึงจะเปลี่ยนไปใช้เม็ดทรายชุดใหม่

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ผิวสวยด้วยคอลลาเจน

คอลลาเจน คือ โปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนังของร่างกายซึ่งสานกันเป็นเครือข่ายชั้นผิวหนัง และเป็นโปรตีนสำคัญต่อความแข็งแรงของผนังหลอดเลือด และช่วยสร้างความตึงกระชับให้ผิว โดยจะทำงานร่วมกับโปรตีนอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า อีลาสติน
ปัจจัยที่ทำให้เกิดการสลายตัวของคอลลาเจน คือ อนุมูลอิสระที่เกิดจากมลพิษต่างๆเช่น บุหรี่ แสงแดด สารปนเปื้อนในอาหาร และจากการเผาผลาญอาหารในร่างกายไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย และเมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไปการผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มขึ้น เมื่อขาดคอลลาเจนผิวพรรณที่เคยเต่งตึงจะเริ่มหย่อนคล้อย มีริ้วรอยเพิ่มมากขึ้น ความยืดหยุ่นและความชุ่มชื้นของผิวลดลง
การเติมคอลลาเจนให้กับผิวเพื่อหวังผลในการชะลอริ้วรอย ในวงการแพทย์สามารถทำได้โดยการฉีดคอลลาเจนโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ส่วนในเครื่องสำอางก็มีการนำคอลลาเจนไปผสม สังเกตได้จากฉลากที่ระบุส่วนผสมของ ไฮโดรไลซ์คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ อีลาสติน โปรคอลลาเจน เอเอชเอ
นอกจากนั้นการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ซึ่งจะช่วยชะลอการสลายตัวของคอลลาเจนและช่วยลดการเกิดมะเร็งในร่างกายอีกด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ก็ได้แก่ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินอี ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดอนุมูลอิสระมีคุณสมบัติเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อคอลลาเจนและอีลาสติ

วันจันทร์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2552

น้ำมะเน็ด ในขวดแบบโบราณ


น้ำมะเน็ดเป็นน้ำอัดลมชนิดหนึ่งที่คนไทยเรียกเพี้ยนมาจากน้ำ Lemonade ของฝรั่งคำว่า Lemonade แปลว่าน้ำมะนาวก็จริง แต่น้ำมะเน็ดไม่ใช่น้ำมะนาวเปรี้ยวแท้ๆแต่เป็นน้ำมะนาวปลอมๆ ที่มีการแต่งรสแต่งสีแล้ว ถ้าเปรียบเทียบกับน้ำอัดลมในยุคปัจจุบันคงใกล้เคียงกับน้ำสไปรท์
ฝรั่งเริ่มผลิตน้ำมะเน็ดขายตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แต่ต้องหลังจากจาคอบ ชเวพ (Jacob Schwepp) คิดทำน้ำโซดาได้เมื่อ พ.ศ. 2335หรือเมื่อราว 200 ปีก่อน
สำหรับในเมืองไทยนั้นพบโฆษณาขายน้ำมะเน็ดในหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์เดอร์ของหมอบรัดเลย์ฉบับวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ.1866 โดยน้ำมะเน็ดในสมัยก่อนจะบรรจุอยู่ในชวดรีๆ แบบลูกรักบี้ และปิดปากขวดด้วยจุกไม้ก๊อก เขาออกแบบขวดให้วางนอนขนานกับพื้นอยู่เสมอเพื่อไม่ให้จุกก๊อกแห้งและหด อ้างอิงตามรูปในหนังสือThe Art of the Label ของ Robert Opie ยอดนักสะสมบรรจุภัณฑ์ หน้า 10กับหน้า 65
จนเมื่อ ค.ศ. 1875 หรือ พ.ศ. 2418 ตรงกับต้นสมัยรัชกาลที่ 5 มีการประดิษฐ์ขวดแบบคอคอด และมีจุกลูกแก้วอยู่ที่ปากขวดโดย Hirem Codd จึงมีการบรรจุน้ำมะเน็ด รวมทั้งน้ำโซดา และน้ำอัดลมอื่นๆ ลงในขวดชนิดนี้ ในการบรรจุต้องจับหัวขวดให้คว่ำลง เมื่อน้ำอัดลมเข้าไปในขวดแล้ว แรงแก๊สจะดันลูกแก้วให้ลอยขึ้นไปแนบและแน่นติดกับวงแหวนยางที่ปากขวด เมื่อจะดื่มต้องเอาไม้กระแทกลูกแก้วลงไปแรงๆ ส่วนวิธีรินไม่ให้ลูกแก้วกลิ้งมาปิดปากขวด คือ ต้องหมุนขวดให้ลูกแก้วไปตกอยู่ระหว่างคอหยักที่เขาทำไว้จึงจะรินน้ำได้สะดวก
น้ำมะเน็ดเคยมีขายตามโรงหนังและตามร้านต่างๆ อยู่นานพอสมควรแต่ในที่สุดก็หายไปจากเมืองไทยเมื่อราว 50-60 ปีก่อน

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

6 ข้อดีดื่มน้ำบรรเทาหวัด






อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวฝนตก เดี๋ยวแดดออก ทำให้หลายคนที่ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพเป็นพิเศษมักเป็นหวัดได้ง่าย "โรคหวัด" เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้จะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ทำให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สบายเนื้อสบายตัว ทำให้มีอาการปวดศรีษะ ตัวร้อน น้ำมูกไหล ไอ จาม มีเสมหะ ถ้าไม่ดูแลรักษาตัวให้ดีอาจก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ เมื่อเป็นหวัดแนะนำว่าควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพราะน้ำสามารถช่วยเยียวยาร่างกายให้หายจากหวัดได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุที่ว่า..

1. น้ำช่วยละลายเสมหะไม่ให้เหนียว โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่น

2. ช่วยลดไข้หากไข้ขึ้นสูง น้ำนี่แหล่ะที่จะช่วยทำให้ร่างกายเย็นลงได้

3. ช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ ซึ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี

4. ช่วยให้เยื้อบุจมูกที่บุช่องทางเดินหายใจส่วนบนทำหน้าที่ได้ดีขึ้น จึงช่วยลด อาการคัดจมูก

5. ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และอักเสบ

6. ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายฟื้นจากอาการไข้ได้เร็วขึ้น นอกจากนั้น หากอยากดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติมากขึ้น แนะนำให้ลองดื่มน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำกีวี น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ เพราะวิตามินซีช่วยให้อาการหวัดหายเร็วขึ้น ส่วนคนที่มีอาการเจ็บคอสามารถบรรเทาอาการโดยใช้เกลือละลายน้ำอุ่นกลั้วคอ 2-3 วันติดต่อกันอาการจะทุเลาลงโดยไม่ต้องใช้ยาค่ะ

กำเนิดกาแล็คซี

ดวงดาวที่เราเห็นในท้องฟ้าตอนกลางคืนด้วยตาเปล่านั้นเป็นดาวในทางช้างเผือก(Milky Way) ทั้งสิ้น สุริยจักรวาลที่มีดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางเป็นกลุ่มดาวเล็กๆกลุ่มหนึ่งในจำนวนหลายหมื่นล้านกลุ่มที่อยู่ในทางช้างเผือกนี้ ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่ากาแล็คซี (Galaxy) ซึ่งเอกภพ (Universe) ของเรามีกาแล็คซีจำนวนล้าน ล้านกาแล็คซีกาแล็คซีในเอกภพมีรูปร่างและขนาดต่างกัน ซึ่งสามารถแบ่งตามรูปร่างได้ 3 แบบ คือแบบวงรี แบบเกลียว และแบบปกติ และเมื่อกาแล็คซีปะทะกัน กาแล็คซีใหญ่จะกลืนกินหรือรวมเข้ากับกาแล็คซีเล็ก ทำให้เกิดกาแล็คซีที่มีรูปร่างแตกต่างจากเดิมในวันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2532 Martha Haynes และ Ricardo Giovanelli สองนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Cornell สหรัฐอเมริกา ได้โฟกัสกล้องโทรทัศน์วิทยุไปยังท้องฟ้า และได้พบ กลุ่มแก๊สไฮโดรเจนขนาดมโหฬาร กว้างใหญ่ขนาดที่แสงต้องใช้เวลาเดินทางนานถึง 10 ล้านปี จึงจะวิ่งจากขอบหนึ่งของกลุ่มแก๊สไปยังอีกขอบหนึ่งกลุ่มเมฆนี้มีลักษณะเป็นวงรี และอยู่ห่างจากโลกมาก เป็นระยะทาง 65 ล้านปีจึงจะมาถึงโลกเรา ซึ่งหมายความว่า ภาพกลุ่มเมฆที่ค้นพบนั้นเป็นภาพที่เกิดขึ้นเมื่อ 65 ล้านปีโน้น ภาพปัจจุบันของกลุ่มเมฆเป็นอย่างไรนั้นต้องรอไปอีก 65 ล้านปีจึงจะเห็นนักดาราศาสตร์ทั้งสองยังรายงานอีกว่า ในกลุ่มเมฆนี้ไม่มีการพบดาวฤกษ์ใดๆ และเชื่อว่ากลุ่มเมฆนี้จะวิวัฒนาการไปสู่การเป็นกาแล็คซีที่มีดาวตั้งแต่แสนล้านถึงล้านล้านดวงในเวลาอีก 1,000 ล้านปีข้างหน้าการค้นพบของ Haynes และ Giovanelli ได้แสดงให้เห็นว่า กาแล็คซีนั้นมีการเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ประโยชน์จากช๊อคโกแลต

1 มิตรกับฟันแม้ว่าของหวานจะเป็นตัวการทำให้ฟันผุ แต่สำหรับช็อคโกแลตนั้น เป็นข้อยกเว้นเพราะช็อคโกแลต ละลายได้ในน้ำลาย จึงไม่เหลือคราบติดที่ฟันและยังมีกรดแทนนินซึ้งช่วยยับยั้ง การเกิดแบคทีเรียที่ทำให้ฟันผุด้วย

2.เป็นยาคลายเครียดช็อคโกแลตมีสาทกระตุ้นระบบประสาท ทำให้สมองผ่อนคลายและยังมีเซโรโทนินซึ่งเป็นสารสร้างความสุขทำให้อารมณ์ดี ยิ่งกินยิ่งHappy

3.ดีต่อหัวใจในช็อคโกแลตมีสาร โพลีฟีนอล เป็นสารที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ และทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดี โดยสารโพลีฟีนอลมีอยู่มากที่สุดในช็อคโกแลตร้อน โกโก้ รองลงมาคือช็อคโกแลตดำ และช็อคโกแลตรสนม

4. มีไขมันอิ่มตัวปกติไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันร้าย ที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย ทำให้ระดับคอเรสเตอรอลในเลือดสูงแต่ยกเว้นไขมันในข็อคโกแลต ถึงแม้จะเป็นไขมันอิ่มตัวเหมือนกัน แต่นักวิจัยยืนยันว่า..........ไม่มีผลต่อระดับคอเรสเตอรอลเลย.....อัศจรรย์ไหมละ

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เรื่องที่น่าสนใจ" ที่ยังไม่เป็นข่าว รวมสรุปส่งท้ายปี พ.ศ.2549





เปเล่ ตำนานลูกหนังชาวบราซิล ไม่เคยชอบชื่อเล่นนี้เลยถึงกับเคยต่อยเพื่อนที่เรียกเขาด้วยชื่อนี้มาแล้วเพราะฟังเหมือนเด็กพูดอ้อแอ้เป็นภาษาโปรตุเกสแต่มารู้ทีหลังว่าคำนี้เป็นภาษาฮีบรู แปลว่า มหัศจรรย์นกในเมืองร้องเพลงเสียงสั้น เร็ว ฟังเหมือนเพลงแร็ป ขณะที่นกต่างจังหวัดยังร้องแบบเดิมถุงยางอนามัยขนาดมาตรฐานมีขนาดใหญ่เกินไปสำหรับชายอินเดียความสูงของลูกมักขึ้นอยู่กับพ่อและน้ำหนักมักขึ้นอยู่กับแม่เหาบนศีรษะหากระบาดซ้ำๆ เรียกว่าโลนภาษาอังกฤษกลายเป็นวิชาเก่าแก่เพียงวิชาเดียวที่ยังติด 10 อันดับวิชายอดนิยมในมหาวิทยาลัย ส่วนประวัติศาสตร์และชีววิทยาหลุดอันดับหลังจากเคยติด 10 อันดับ เมื่อ 10 ปีก่อนแต่ละวันวัว 1 ตัว ปล่อยก๊าซมีเธนบรรจุใส่ขวดลิตรได้มากถึง 400 ขวดเหตุเครื่องบินตกราวร้อยละ 90 จะมีผู้รอดชีวิตสมองมีความนุ่มและยืดหยุ่น คุณสมบัติคล้ายเยลลี่ผสมเส้นพาสตาที่ต้มแล้วรับประทานขนมขบเคี้ยววันละห่อเท่ากับดื่มน้ำมันทอดอาหารปีละ 5 ลิตรนักวิจัยพบว่าการดูโทรทัศน์เป็นยาแก้ปวดตามธรรมชาติของเด็ก

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

เริ่องน่ารู้

1.
ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก
2.
ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุดออกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ
3.
ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น
4.
ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน
5.
มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ

เฉลย
ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติดอยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป
6.
พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้
7.
เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้

เฉลย
จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น
8.
เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ

เฉลย
จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น
9.
นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้ดอกไม้ไม่เหี่ยวเฉาได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้ดอกไม้เหี่ยวเฉา
10.
ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ

เฉลย
จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้